บารมีคับจังหวัดแค่ไหนไม่รู้ แต่แม้ว่า เจ้าตัวจะไม่ใช่คนพูดเก่งพูดเป็น รวมกระทั่ง ส.ส.ในกลุ่ม ไม่ต้องขนาดพูดน้ำไหลไฟดับ แค่หาใครสักคนสื่อสารในฐานะตัวแทนของกลุ่มได้ครบเครื่องก็ยาก แต่เลือกตั้งครั้งที่แล้ว เขากลับนำพา ส.ส.ในกลุ่มเหมายกจังหวัดได้
นายสันติ พร้อมทวีสิทธิ์ หรือ พร้อมพัฒน์ ในเวลาต่อมา เป็นนักธุรกิจที่ถือว่าประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง สร้างอาณาจักรทั้งงานพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรและชิ้นส่วนรถยนต์ มีบริษัทในเครือมากถึง 25 บริษัท มูลค่าครึ่งพันล้านบาท
ก่อนเข้าสู่เวทีการเมือง ประเดิมตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนลงสมัคร และได้เป็น ส.ส.ครั้งแรก ปี 2538 พรรคความหวังใหม่ จากนั้นจับจองเก้าอี้ ส.ส.เพชรบูรณ์มาตลอด ทั้งพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน กระทั่งถึงเพื่อไทย
ถือเป็นสายตรงคนหนึ่งของนายทักษิณ ชินวัตร ได้ขึ้นลิฟต์ข้ามชั้นเป็น รมว.คมนาคม สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช แต่บริษัทลูกที่มีชื่อหลานชายบริหารอยู่ เคยเป็นลูกหนี้ของคุณหญิงอ้อ พจมาน ชินวัตร อดีตภรรยานายทักษิณ 160 ล้านบาท
เลือกตั้งปี 2562 นำพา ส.ส.ในกลุ่มข้ามขั้วย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมนั่งตำแหน่ง รมช.คลัง เดิมเป็นกลุ่มพันธมิตรกับ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ขณะนั้น เคยมีชื่อปรากฎในกลุ่ม 4 ช.ของพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ์ รมช.คมนาคม
แต่หลังเหตุการณ์ความพยายาม “ดีลลับ” คนแดนไกลไม่บรรลุผล ร.อ.ธรรมมนัส กับนางนฤมลถูกปรับออกจาก ครม. แต่นายสันติยังคงอยู่ หนำซ้ำมีภาพนำพา ส.ส.ส่วนหนึ่งในพลังประชารัฐ ไปเข้าพบและให้กำลังใจ”บิ๊กตู่” ที่ห้องทำงานนายกฯ ที่รัฐสภา ปรากฏตามหน้าสื่อต่าง ๆ
หลังการกลับคืน “บ้านเดิม” ของ ร.อ.ธรรมมนัส และอดีต ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย นายสันติ ซึ่งก่อนหน้านั้น มีข่าวว่า อาจต้องย้ายออกจากพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายนายสันติยังไปต่อกับ “บิ๊กป้อม” ที่พรรคพลังประชารัฐ และยังนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคอย่างเหนียวแน่น
เลือกตั้งปี 2566 นายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ อดีต ส.ส.1 ใน 6 คนของเพชรบูรณ์ วางมือทางการเมือง เดิมทีได้วางตัวหลานชาย นายสุประวีณ์ อนรรฆพันธ์ ไว้เป็นทายาททางการเมืองลง ส.ส.เขต 5 เดิมของตนเองในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
แต่สุดท้าย นายสุประวีณ์ กลับเลือกใส่เสื้อพรรคเพื่อไทยลงสมัคร ส.ส.เขต 5 แทน ทำให้ “บ้านใหญ่” ต้องปรับทัพใหม่ โยกนางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ หลังบ้านนายสันติ ไปลงเขต 5 เพื่อรับมือทายาทจากตระกูลอนรรฆพันธ์ โดยเฉพาะ
แต่ยังรู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิด เพราะฐานเสียงนายสุรศักดิ์แน่นหนามากในเขตนี้ ในฐานะอดีตส.ส.6 สมัยจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย กระทั่งพรรคเพื่อไทยปี 2554 เพิ่งเข้าพลังประชารัฐปี 2562 พร้อมนายสันติ จึงจะเป็นเขตหินสำหรับ “บ้านใหญ่” แน่ ๆ
นอกจากนี้ นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ อดีต ส.ส.3 สมัย น้องชายนายสุรศักดิ์ ก็ลงสมัครส.ส.อีกคนในเขต 4 จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อทวงเก้าอี้ ส.ส.กลับคืนจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องไปดึงเอาประธานสภา อบจ.เพชรบูรณ์ นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สายตรงนางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ลงสมัครส.ส.เขตนี้แทนนางวันเพ็ญที่ย้ายไปลงเขต 5
ยังไม่นับเขต 1 ที่ น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ อดีตส.ส.1 สมัยปี 2562 ของสังกัดบ้านใหญ่ ต้องลงป้องกันแชมป์เจอคู่แข่งกระดูกชิ้นโต นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี อดีตส.ส.1 สมัย ปี 2554 จากพรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ลงสมัครพรรคเดิม โดยหวังอาศัยกระแสนิยมอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพื่อแลนด์สไลด์ เป็นจุดขายสำคัญ
เลือกตั้งปี 66 จึงถือเป็นศึกหนักกว่าทุกครั้ง หาก “บ้านใหญ่” ตระกูลพร้อมพัฒน์ หวังจะกวาดส.ส.ยกจังหวัด เพื่อช่วยสานฝัน “บิ๊กป้อม” ให้มีโอกาสเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือกตั้ง2566 : "ธนกร" ชำแหละแจกเงิน 1 หมื่น พท.ไปต่อยาก แค่หลอกชาวบ้านสู่อำนาจ
เลือกตั้ง2566 : "พิธา" งัดหลักฐานแจงดรามางานศพพ่อ ไม่หวั่นไหวเข้าใจใกล้เลือกตั้ง
เลือกตั้ง2566 : มท.ย้ำ "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" วางตัวเป็นกลางการเมือง