เปิดเหตุผล คนไทยไปเรียนอะไรที่ซูดาน ?

ศูนย์กลางการศึกษาศาสนาอิสลาม

กว่าร้อยละ 80 ของชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชาวมุสลิมในประเทศเพื่อนบ้านของไทย นิยมส่งลูกหลานไปเรียนเกี่ยวกับศาสนาอิสลามในประเทศแถบทวีปแอฟริกา นอกจากต้องการเปิดให้คนในครอบครัวได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างแดนแล้ว

ทวีปแอฟริกายังเป็นแหล่งศาสนาอิสลามที่เก่าแก่มากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกด้วย ในเมืองคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยนานาชาติแอฟริกา (International University of Africa) สถานที่เผยแพร่และเรียนรู้ศาสนาอิสลามที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ผลิต อิหม่าม ผู้นำศาสนาอิสลามจำนวนมาก

และยังเป็นพื้นที่สำคัญในเส้นทางการเดินทางไปยัง นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย อีกด้วย เนื่องจากชาวซูดานมุสลิมสามารถลงเรือหรือขึ้นเครื่องบินข้ามทะเลแดง จากเมืองพอร์ต ซูดาน ไปยัง เมืองเจดดาห์ และเดินทางต่อไปยังนครเมกกะได้โดยง่าย

นอกจากนั้นแล้ว ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลก ชื่อ มหาวิทยาลัย อัล อัซฮัล ที่อายุมากกว่า 1,000 ปี เป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ศาสนาอิสลามที่ชาวมุสลิมนิยมไปศึกษาต่อมากเป็นอันดับ 1 ของโลก

อ่าน : ล็อตแรก 78 คนไทยในซูดาน ถึงดอนเมืองคืนนี้

แหล่งผลิตแพทย์ภาษาอาหรับ

หลายคนไม่กล้าไปซูดานเพราะห่วงเรื่องโรคระบาด หรือโรคประจำถิ่น แต่สำหรับผู้ที่เรียนแพทย์แล้วนั้น "ซูดาน" ถือเป็นแหล่งคลังความรู้ที่ล้ำค่า เพราะความรู้เรื่องโรคประจำถิ่นในแถบแอฟริกา ยังถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับเมืองไทย แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้จะสามารถช่วยรักษาผู้ป่วย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมากจากทวีปแอฟริกาได้

สิ่งที่ได้กลับมาอีกอย่างคือ "ภาษา" ซูดานใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาหลัก ชาวต่างชาติที่เข้าไปเรียน ย่อมจะได้ภาษาอาหรับติดตัวมา และเป็นที่รู้กันว่า ความต้องการแพทย์ไทยที่สื่อสารภาษาอาหรับได้นั้นมีสูงมาก การได้ภาษาอาหรับกลับมา ย่อมเป็นใบเบิกทางสู่อาชีพแพทย์ในเมืองไทยได้ดี

แต่นอกจากจะพร่ำเพียรเรียนหมอจนเสร็จสิ้นแล้ว การกลับมาประกอบอาชีพนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แพทย์ที่จบจากต่างประเทศต้องกลับมาสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาไทยก่อน มิเช่นนั้น จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมและสถานพยาบาล หรือเป็น หมอเถื่อน นั่นเอง

อ่าน : วิเคราะห์ : สมรภูมิ “ซูดาน” สะเทือน “ทวีปแอฟริกา”