วันนี้ (2 พ.ค.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาประชุมในคดีที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.สรารัตน์ อายุ 36 ปี หรือ แอม ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมวางยาไซยาไนด์ พร้อมด้วยตำรวจกองปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 7 และสถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทีมงานชุดสืบสวนสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันขณะนี้ศาลอนุมัติหมายจับแล้วผู้ต้องหา จับผู้ต้องหาแล้ว 10 คดี เหลืออีก 4 คดี อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน สืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม ยืนยันทั้ง 10 คดี พยานหลักฐานพบว่า แอม ผู้ต้องหาเป็นคนลงมือก่อเหตุ โดยมีลักษณะการก่อเหตุคล้ายกันแต่คนละวิธีทั้งให้กินเป็นแคปซูล อ้างเป็นยาสมุนไพรใช้รักษาโรคป้องกันโควิด รวมถึงใส่ในอาหารและใส่ในเครื่องดื่ม โดยตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานที่ส่งให้ศาลทั้งผลการผ่าชันสูตรศพและพยานแวดล้อม
นอกจากนี้ยังพบแหล่งที่มาของไซยาไนด์แล้วว่าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลพร้อมประสานอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจสอบเรื่องการนำเข้าของสารพิษดังกล่าว ซึ่งบริษัทที่นำเข้าจะต้องระบุวัตถุประสงค์การนำเข้าและมีวิธีควบคุมไม่ให้สารพิษนี้หลุดออกไป รวมถึงไม่ให้นำไปใช้นอกวัตถุประสงค์ หากพบการกระทำผิดก็จะดำเนินคดีผู้นำเข้าด้วย ซึ่งมีรายงานว่าเป็นโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ลาดกระบัง
ส่วนประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าหลังนายแด้ อดีตสามีนางแอมเสียชีวิตมีผู้ขับรถยนต์เก๋งสีขาว ยี่ห้อฟอร์ด แคปติวา ต้องสงสัยว่าเป็นนายตำรวจคนหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เบื้องต้นพบว่ามีตำรวจ 1 นาย เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูลขอเข้าประชุมกับพนักงานสอบสวนก่อน
นอกจากนี้ ได้สั่งตรวจสอบเกี่ยวกับงานขายประกันที่ผู้ต้องหาเคยเป็นตัวแทนของบริษัทประกันชีวิต ซึ่งจะต้องขอตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายในเรื่องนี้หรือไม่ และขอประชาสัมพันธ์ว่าหากมีญาติพี่น้องหรือครอบครัวผู้เสียหายหรือเสียชีวิตที่มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาและสงสัยว่าเสียชีวิตโดยผิดปกติสามารถเดินทางให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
12 หมายจับ! "แอม" คดีไซยาไนด์ ศาลอุดรธานี อนุมัติคดี "ฆ่าแด้"
ออกหมายจับเพิ่มอีก 9 หมาย "แอม" วางยาไซยาไนด์