วันนี้ (10 พ.ค.2566) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อัพเดทสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย โดยระบุ 2 สัปดาห์ก่อน องค์การอนามัยโลก (WHO) ปรับชนิดสายพันธุ์ที่ติดตามใกล้ชิดโดยเพิ่ม XBB.1.16* เป็นสายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI) ล่าสุดต้นเดือน พ.ค. 2566 องค์การอนามัยโลกปรับเพิ่ม XBB.1.9.2* เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants under monitoring (VUM)
- VOI 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16*
- VUM 7 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75, CH.1.1, BQ.1, XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBF
สถานการณ์สายพันธุ์เชื้อ SARS-CoV-2 ทั่วโลกอ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ในรอบสัปดาห์ 10 - 16 เม.ย.2566 พบสัดส่วนของสายพันธุ์แตกต่างจากรอบ 1 เดือนก่อนหน้า ดังนี้
- XBB.1.5* รายงานจาก 106 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 46.7 ลดลงจากร้อยละ 49.3
- XBB.1.16* รายงานจาก 40 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 5.7 เพิ่มจากร้อยละ 2.0
- XBB*, XBB.1.9.1* และ XBB.1.9.2* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- BA.2.75*, CH.1.1*, BQ.1* และ XBF* มีแนวโน้มลดลง
เช็กสถานการณ์โควิดไทยรอบสัปดาห์
สถานการณ์ล่าสุดในไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1-7 พ.ค.2566 มีการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 จำนวน 372 คน พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม 323 คน คิดเป็น 86.8% โดยพบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ
สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้ พบสายพันธุ์ลูกผสมมากกว่า 74 % ในทุกเขตสุขภาพ ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งมีตัวอย่างส่งตรวจน้อย พบมากที่สุดเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16* คิดเป็น 27.7 % รองลงมาคือสายพันธุ์ XBB.1.5* คิดเป็น 22.0 % ในขณะที่ BN.1* ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลักในไทยตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 มีสัดส่วนลดลง
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ตามที่ WHO ได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก ของโรคโควิด-19 ที่ใช้มานานกว่า 3 ปี หลังพบตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลง และผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ อย่างไรก็ตาม WHO ยังย้ำแม้สถานการณ์ฉุกเฉินจะจบลง แต่ยังคงเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นอันตรายต่อสถานการณ์สาธารณสุขโลกต่อไป รวมทั้งไทยเองยังคงมีมาตรการรับมือโควิด-19 เช่นเดิม
สำหรับประชาชนแนะนำให้ระมัดระวังในการปฏิบัติตัว การล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหากต้องไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากหรือไปในที่สาธารณะ และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยง 608 จะช่วยลดอาการหนักและเสียชีวิตได้
กรมวิทย์ฯ ได้ประสานขอให้โรงพยาบาลทั่วประเทศส่งตัวอย่างผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาตรวจสายพันธุ์เพิ่มขึ้น ขอให้ความมั่นใจว่ายังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อ SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่บนฐานข้อมูลสากล GISAID อย่างสม่ำเสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง