ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เลือกตั้ง2566 : รู้จัก (ว่าที่) นายกฯ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"

การเมือง
15 พ.ค. 66
14:44
32,470
Logo Thai PBS
เลือกตั้ง2566 : รู้จัก (ว่าที่) นายกฯ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เปิดประวัติ "ทิม พิธา" หลากหลายมุมที่ต้องรู้ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในสังคมทุกระดับ ทั้งต่างประเทศ-เมืองไทย การทำงานทั้งภาครัฐ-เอกชน ชีวิตแต่งงานและหย่าร้าง จนถึงวันนี้จากฝ่ายค้านที่พลิกเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล พร้อมกับ ตำแหน่ง (ว่าที่) นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย

วันนี้ (15 พ.ค.2566) 12.00 น.  หลังจาก "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" แถลงประกาศชัยชนะของพรรคก้าวไกล พร้อมพลิกขั้วจากฝ่ายค้านเดิมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล มั่นใจเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของไทย ในมุมอื่นๆ นั้น เขาคือนักเจ้าของธุรกิจน้ำมันรำข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และอันดับ 5 ของโลก ผู้เข้ารับตำแหน่ง CEO ของบริษัทด้วยวัยเพียง 25 ปี พร้อมกับหนี้สิน 100 ล้าน ที่กลายเป็นทำกำไรนับ 1,000 ล้านในเวลาไม่นาน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

"ทิม พิธา" เกิดวันที่ 5 ก.ย.2524 ปัจจุบันอายุ 41 ปี เป็นบุตรชายของ "พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์" อดีตที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กับ "ลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นพี่ชายของ "เทียน ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์" และเป็นหลานรักของ "ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์" ลุงเดียวที่ พิธา รัก นักการเมืองชื่อดังในอดีตที่ซี้ปึ้กกับ คนแดนไกล นายทักษิณ ชินวัตร

และจากการทาบทามของ เอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง ทำให้ พิธา ตัดสินใจเดินทางบนเส้นทางการเมืองเต็มตัว จากจุดเริ่มต้นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และก้าวสู่หัวหน้าพรรคก้าวไกล  

ชีวิตวัยเด็กของเด็กชายทิม

พิธา เข้าเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เป็นเด็กเกเรตามประสา ก่อนจะถูกคุณพ่อส่งไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์ในวัย 11 ขวบ ที่เมืองแฮมิลตัน เมืองชนบทเล็กๆ เด็กชายทิมในขณะนั้น ต้องอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ชาวนิวซีแลนด์ที่มีฐานะปานกลาง ก่อนไปโรงเรียนเขารับจ้างเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน เก็บสตรอเบอร์รี่ ส่งนม เป็นนักกีฬาของโรงเรียน "ทิม" เคยให้สัมภาษณ์กับหลายสื่อว่า ที่แฮมิลตันมีทีวีอยู่ 3 ช่อง และเขาสนใจดูแต่ช่องการเมือง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้เด็กชายทิมเริ่มสนใจเส้นทางการเมือง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ วัยเด็ก

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ วัยเด็ก

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ วัยเด็ก

หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย เขาบินกลับไทยเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่ สาขาการเงิน การธนาคาร ภาคภาษาอังกฤษ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และระหว่างนั้น พิธา ยังได้ทุนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปเรียนที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาอีกด้วย

หลังจากเรียนจบปริญญาตรี พิธา เลือกจะทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะเขามีแนวคิดที่ว่า หลังจากเรียนจบ ป.ตรี แล้ว ควรทำงานก่อน หากมีโอกาสค่อยเรียนต่อในระดับที่สูงต่อไป พิธา เข้าทำงานในกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.พาณิชย์ ในยุครัฐบาลทักษิณ 2 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะรับราชการ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะรับราชการ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะรับราชการ

จากนั้นจึงขอทำตามความฝันตัวเองในวัยเด็กอีกครั้ง ด้วยการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท การเมืองการปกครอง สาขาการบริหารภาครัฐ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ควบคู่กับปริญญาโท การบริหารธุรกิจ สโลน สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) แต่เขาเรียนไปได้เพียง 1 ปี ก็เกิดจุดเปลี่ยนของชีวิตขึ้น จนทำให้ พิธา เลือกจะดรอปเรียน หรือรักษาสภาพนักศึกษา แล้วเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัว

CEO อายุน้อยกับการปิดดีลหนี้ร้อยล้านใน 3 เดือน

ไม่มีใครรู้เลยว่าการเดินทางไปเรียน ป.โท ของ พิธา ที่สหรัฐอเมริกา คือการเจอหน้าครั้งสุดท้ายของเขาและพ่อ พิธา กลับเมืองไทยโดยที่ไม่มีโอกาสเจอคุณพ่อ กลับกันสิ่งที่เขาต้องเจอคือ หนี้สินกว่าร้อยล้านบาท

ด้วยความโศกเศร้าของผู้จากไป การสูญเสียกำลังใจ และความไม่ไว้ใจของพนักงานในโรงงาน CEO พิธา ในวัย 25 ปี เลือกจะบอกกับทุกคนว่า

เขาคงไม่มีคำตอบที่ดีให้กับทุกคน แต่เขาจะพาทุกคนไปหาทางออกที่ดีที่สุดด้วยกันให้ได้

ธุรกิจเดิมของตระกูลลิ้มเจริญรัตน์ คือการส่งออก "รำข้าว" และสินค้าเกษตร เมื่อ พิธา เข้ามา เขาพบว่าโรงงานของตนเองนั้นส่งแต่รำข้าวออกให้ต่างประเทศ จากนั้นต่างประเทศนำไปสกัดเพิ่มมูลค่าและให้ไทยนำเข้าในราคาที่สูงกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

ทำไมเราต้องส่งของราคา 10 บาท และนำเข้ากลับมาในราคา 1,000 บาท

นั่นคือคำถามของ พิธา ในขณะนั้น พิธา ใช้ความสามารถทางการเงินและทักษะการนำเสนอแผนธุรกิจกับธนาคาร จนทำให้เขาสามารถกู้เงิน 70 ล้านบาทมาได้อีกก้อน และ พิธา ใช้เวลา 3 เดือนสร้างไลน์ผลิต "น้ำมันรำข้าว" ในประเทศไทย ปลดหนี้ 170 ล้านบาท และสร้างมูลค่าให้บริษัทอีกกว่าพันล้านในเวลา 1 ปี พิธา ทำให้บริษัทของเขาที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวรายใหญ่เติบโตเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และอันดับ 5 ของโลก

จากนั้นเขาบินกลับไปเรียนต่อปริญญาโทจนจบ การบริหารเวลาของเขาคือ ช่วงกลางวันไปเรียนที่ฮาร์วาร์ด เย็นเรียนต่อที่ MIT และเวลาช่วงกลางคืนบริหารงานบริษัท ซึ่งตรงกับช่วงกลางวันของประเทศไทย

พิธา และ พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา และ พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา และ พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์

และในช่วงเวลานั้น เขาได้พบรักข้ามโลกจากการแนะนำของเพื่อนกับ "ต่าย ชุติมา ทีปนาถ" พิธา เดินทางไปที่อิตาลี ในช่วงที่ "ต่าย" กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "หนีตามกาลิเลโอ" หลังจากคบหากัน 3 ปี ทิมและต่าย ได้แต่งงานกัน และมีบุตรสาว 1 คนคือ เด็กหญิงพิพิม ลิ้มเจริญรัตน์ ปัจจุบันในวัย 7 ขวบ แม้จะเคยมีเรื่องราวที่สร้างชื่อเสียให้ทั้งสองในอดีต แต่ปัจจุบัน ทั้งคู่เลือกสถานะพ่อแม่ที่ดีให้กับพิพิม

ยอมรับในความหลากหลายคือจุดเด่นของ พิธาและก้าวไกล

ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องความรุนแรงในครอบครัวในอดีตที่กลับมาสกัดความนิยมของ พิธา ช่วงหาเสียง "ต่าย ชุติมา" ได้ออกมาประกาศว่าเรื่องในอดีตนั้นควรลืมไป และโฟกัสกับปัจจุบันพร้อมยังสนับสนุนพ่อของพิพิมในเส้นทางการเมือง ส่วนทาง พิธา นั้นเคยให้สัมภาษณ์ว่า หลายครั้งเรามักเป็นตัวร้ายในเรื่องราวของคนอื่น แต่ปัจจุบัน เขาเลือกที่จะตอบคำถามเท่าที่จะตอบได้ ส่วนหนึ่งคือ "ความโปร่งใสในฐานะนักการเมือง" ที่เมื่อประชาชนสงสัย เขาก็ต้องคลายข้อสงสัยให้ได้

แต่หากล้ำเส้นมากเกินไป เขาก็ต้องปกป้อง เช่นเดียวกับที่เขาปกป้องลูกสาวคนเดียวของเขาในขณะนี้

ถ้าวันนี้ไม่มีพิพิม ผมอาจจะบริหารสถานการณ์เรื่องครอบครัวอีกแบบ
แต่ตอนนี้ผมก็ต้องปกป้องความรู้สึกของพิพิมให้มากที่สุด

พร้อมกับใช้ความไม่สมบูรณ์ของครอบครัวตัวเอง เป็นบทเรียนและแบบอย่างที่ให้สังคมเห็นว่า ความแตกต่าง หรือ การเห็นต่างในความคิดของแต่ละคน ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคมเดียวกัน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะหาเสียงเลือกตั้ง 2566

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะหาเสียงเลือกตั้ง 2566

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะหาเสียงเลือกตั้ง 2566

รู้หรือไม่ : พ่อทิม ใช้นิทานเรื่อง The only philosophy of marriage: the crocodile and giraffe story หรือ ปรัชญาความรัก : เรื่องราวของยีราฟและจระเข้ ในการสอนน้องพิพิม ให้เข้าใจถึงสถานะของครอบครัว ยีราฟที่ใช้ชีวิตแนวตั้ง และ จระเข้ที่ใช้ชีวิตแนวราบ แต่ด้วยความรักที่มีต่อกัน ความแตกต่างในการใช้ชีวิตของทั้ง 2 กลับสามารถอยู่ร่วมกันได้

อ่านข่าวเพิ่ม :

ผลการเลือกตั้ง2566 : วิเคราะห์ : มติมหาชนวันเลือกตั้งที่ “พรรคก้าวไกล” ได้รับ

เลือกตั้ง2566 : "อิ๊งค์" คุยก้าวไกลแล้วพร้อมจับมือตั้งรัฐบาล - ไม่รู้ดึง ภท. ร่วม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง