วันนี้ (16 พ.ค.2566) ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ที่มี นางสรารัตน์ หรือ แอม ตกเป็นผู้ต้องหา ร่วมกันประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หลังจากที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมและนำข้อมูลที่เข้าไปสอบปากคำนางสรารัตน์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 14 คดี และพยายามฆ่าผู้อื่นอีก 1 คดี ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อช่วงเย็นวานนี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่าในเบื้องต้นนางสรารัตน์รับสารภาพว่า ได้นำสารไซนาไนด์ไปให้ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย ผู้เสียชีวิตคนล่าสุด ผสมกับยาเสพติดเพื่อทดลองเสพ จนทำให้เสียชีวิตและอ้างว่านำไซยาไนด์มาจากนายแด้ อดีตสามี
ขณะที่วันนี้จะเชิญตัว พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของนางสาวแอม มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่ม ในข้อหาทำลายพยานหลักฐาน และให้การสนับสนุนผู้ต้องหาที่กระทำความผิด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกออกหมายจับในคดียักยอกทรัพย์ และใช้เอกสารทางราชการปลอมมาแล้ว นอกจากนั้นจะนำหลักฐานที่ได้เพิ่มเติมไปขอศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับ ผู้ต้องหาที่ใกล้ชิดกับนางสรารัตน์
ส่วนในช่วงบ่ายจะเชิญ รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มารายงานผลของการตรวจสอบสารเคมีที่ตรวจยึดได้ จากการตรวจวัตถุพยานจำนวน 296 รายการ จาก 18 เคส ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
ปส.ยืนยันยังไม่พบใช้ไซยาไนด์ผสมยาเสพติด
สำหรับประเด็นที่นางสรารัตน์อ้างว่านำสารไซยาไนด์ ให้ก้อยใช้กับยาเสพติดกรณีนี้ตำรวจมีการตรวจสอบกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด รวมทั้งการตรวจยึดส่วนผสมของแหล่งผลิตทั้งยาบ้า เฮโรอีนและไอซ์ ยังไม่เคยพบว่ามีไซยาไนด์เป็นส่วนผสมกับยาเสพติด ซึ่งสารไซยาไนด์ถือว่าเป็นสารพิษมีความอันตรายจึงไม่มีเหตุผลที่จะนำมาผสมกับสารเสพติด
ส่วนที่สังคมเข้าใจว่าในยาเสพติดมีส่วนผสมของยาฆ่าแมลงอยู่ด้วย ในอดีตตำรวจเคยตรวจยึดยาบ้าที่มีส่วนผสมกับยาฆ่าแมลง แต่ไม่ใช่สารไซยาไนด์ เป็นสารชนิดอื่นที่สารทำละลายแล้วนำไปเป็นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด