วันนี้ (1 มิ.ย.2566) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของของสิงคโปร์ วัย 71 ปี ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 เป็นบวกอีกครั้ง
ลี เซียนลุง ทวีตผลตรวจ ATK ที่พบว่าแสดงผลบวก พร้อมข้อความว่า รู้สึกสบายดี แต่กลัวว่าตัวเองจะกลับเป็นโควิด-19 อีกครั้ง
แพทย์ระบุว่า เป็นอาการโควิดรีบาวน์ (Covid-19 Rebound) ที่เป็นการติดเชื้อซ้ำภายในระยะเวลาเพียง 14 วัน ซึ่งเกิดขึ้นใน 5-10% แพทย์แนะนำให้ฉันแยกตัวเองจนกว่าฉันจะทดสอบเป็นลบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา นายลี มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ไม่กี่วันหลังจากเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และเคนยา
ขณะที่สิงคโปร์ รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาโดยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากวันละ 1,400 ต่อวันของเดือนมี.ค.เป็นวันละ 4,000 คน ในจำนวนนี้ผู้ติดเชื้อประมาณ 30% เป็นผู้ติดเชื้อซ้ำ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการระบาดครั้งก่อนๆ ซึ่งมีอัตราส่วนผู้ป่วยติดเชื้อซ้ำอยู่ที่ราว 20%-25%
I feel fine but I am afraid I have turned Covid-19 positive again. My doctors say it is a COVID rebound, which happens in 5-10% of cases. The doctors have advised me to self-isolate until I test ART negative. – LHL https://t.co/2KIi8a8jKd pic.twitter.com/pTeERvpWvz
— leehsienloong (@leehsienloong) June 1, 2023
รู้จัก "โควิด รีบาวน์" ติดเชื้อซ้ำ หลังหายป่วยโควิด
สำหรับอาการโควิดรีบาวน์ (Covid-19 Rebound) ที่เป็นการติดเชื้อซ้ำภายในระยะเวลาเพียง 14 วัน หลังจากที่ได้รับยาต้านไวรัสครบตามที่แพทย์สั่งแล้ว โดยผู้ป่วยโควิด-19 และกักตัวครบ 10–14 วัน เมื่อครบกำหนดเชื้อโควิดควรจะตายหรือกลายเป็นซากเชื้อ แต่ผลการตรวจกลับยืนยันว่าผู้ป่วยรายนั้นยังคงติดเชื้อโควิดอยู่
โควิด รีบาวด์ อาจเกิดจากการกินยาต้านไวรัส แต่ไม่สามารถกำจัดเชื้อในร่างกายให้หมดไป เมื่อหยุดยาเชื้อก็กลับแบ่งตัวขึ้นใหม่ โดยในไทยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2565 เคยมีรายงานพบกลุ่มผู้สูงอายุ จากเคสในไทยเพียง 3 เคส ผู้ติดเชื้อรีบาวน์เป็นผู้สูงอายุทั้งหมด คาดว่าเชื้อเกิดการดื้อยา แต่อาการหลังจากรักษาโควิด 14 วัน แล้วกลับมาติดเชื้อซ้ำยังไม่ร้ายแรง สามารถรักษาตามวิธีปกติได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง