นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ถึงกรณีการตรวจสอบสมาชิสภาพ ส.ส. และ การเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า
หลายท่านสอบถามมากรณีของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับกลไกการตรวจสอบสมาชิกภาพ ส.ส. และการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี (แคนดิเดตนายกฯ) ว่าเป็นเช่นไร เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจข้อกฎหมาย (รัฐธรรมนูญ) และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน ผมจึงขออธิบายโดยสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
1. ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน (2560) ไม่ได้มีการกำหนดคุณสมบัติว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (แตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนอย่างฉบับปี 2540 และ 2550)
2. จากข้อ 1. หากปรากฏว่ามีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของคุณพิธาว่าสิ้นสมาชิกภาพไปแล้วหรือไม่ (เพราะถือหุ้น itv) และศาลเห็นควรให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย (ม.82) จึงย่อมไม่ส่งผลทางกฎหมายกับการเสนอชื่อคุณพิธาต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ (ม.159)
3. กรณีตามข้อ 2. เคยเกิดขึ้นแล้วกับกรณีคุณธนาธร ขณะนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยมีการอ่านคำสั่งในวันแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร (25 พ.ค.2562)
ต่อมามีการนัดประชุมรัฐสภาในวันที่ 5 มิ.ย. 2562 เพื่อลงมติเลือกนายกฯ ขณะนั้นมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ หาได้มีปัญหาทางกฎหมายใด ๆ โดยผลการลงมติของรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ ชนะจนได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ ดังนั้น ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงกรณีคุณพิธาหากเกิดขึ้นจึงพึงต้องเป็นเช่นนี้ครับ