หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เรือดำน้ำขนาดเล็กสูญหายในมหาสมุทรแอตแลนติก นอกชายฝั่ง Newfoundland ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคนาดา หลังจากเริ่มพานักท่องเที่ยวดำดิ่งลงสำรวจซากเรือไททานิก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 มิ.ย.2566 ไปเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที โดยขาดการติดต่อไปนานมากกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ แคนาดา รวมถึงหน่วยงานต่างๆ กำลังเดินหน้าค้นหาและกู้ภัยอย่างเร่งด่วน
เรือลำที่สูญหาย คือ เรือดำน้ำ Titan ของบริษัทเอกชน OceanGate Expeditions สามารถดำได้ลึกลงไปถึง 4,000 เมตร รวมทั้งออกแบบให้มีอุปกรณ์ยังชีพ (life support) กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินสำหรับ 5 คน นาน 96 ชั่วโมง หรือ 4 วัน โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คาดว่า ตอนนี้มีออกซิเจนฉุกเฉินสำหรับคนบนเรืออยู่ที่ 70-96 ชั่วโมง
ขณะเกิดเหตุมีผู้อยู่บนเรือทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย ผู้บังคับเรือ 1 คน ผู้ร่วมภารกิจสำรวจ 4 คน (one pilot and "four mission operators") คาดว่าหนึ่งในนั้น คือ Hamish Harding มหาเศรษฐีและนักสำรวจชาวอังกฤษ วัย 58 ปี หลังจากครอบครัวเปิดเผยว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Hamish Harding ระบุว่ากำลังจะไปร่วมภารกิจสำรวจซากเรือไททานิก ซึ่งน่าจะเป็นภารกิจแรกของปีนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเผชิญฤดูหนาวที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี
หลังเกิดเหตุทางบริษัท ระบุว่า กำลังระดมกำลังทุกทางเพื่อเร่งค้นหาเรือดังกล่าว และช่วยเหลือผู้ที่สูญหาย พร้อมทั้งขอบคุณหน่วยงานและบริษัทต่าง ๆ ที่เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือไททานิกที่เคยลงไปสำรวจซากเรือไททานิก ระบุว่า มีความหวังว่าจะพบเรือดำน้ำที่สูญหายไป เนื่องจากบนเรือลำดังกล่าวมีอุปกรณ์ทันสมัย สามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารได้หลายชั่วโมง
OceanGate Expeditions ให้บริการพานักท่องเที่ยวชมใต้ทะเลลึกเพื่อสำรวจซากเรือไททานิก ซึ่งอยู่ที่ระดับความลึกใต้ทะเล 3,800 เมตร โดยการดำลงไปใต้น้ำชมเรือไททานิกและขึ้นสู่ผิวน้ำ จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อที่นั่ง
สำหรับเรือไททานิก เรือโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเมื่อปี 1912 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 คน จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 2,200 คน นับตั้งแต่มีการค้นพบซากเรือไททานิกครั้งแรกในปี 1985 ก็มีการสำรวจซากเรือเป็นวงกว้าง โดยเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยภาพจำลองซากเรือไททานิกแบบ 3 มิติ ที่ทำขึ้นโดยใช้แผนที่ใต้ทะเลลึก อาจเป็นตัวช่วยทำให้คนทั่วโลกทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เรือไททานิกล่มได้