ในแวดวงตลาดทุนไทย รวม 11 องค์กร ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจง ถึงปัญหา บริษัท สตาร์คฯ คอปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ไม่พบสัญญาณการทุจริต จนกระทั่งเกิดปัญหา ในปี 2565 โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต่างพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นกรณีเฉพาะ
แต่บรรยากาศซื้อขายหุ้นไทย วันนี้ กลับหลุดกรอบ 1,500 จุด ปิดตลาด ทำสถิติ ระดับต่ำสุดรอบใหม่ ที่ 1,485.32 จุด คิดเป็นมูลค่าซื้อขายกว่า 40,000 ล้านบาท
หลังไร้มาตรการกอบกู้ความเชื่อมั่นผู้ลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยสื่อมวลชนสายตลาดทุน ต่างพุ่งคำถามถึง มาตรฐานการทำงาน ของสภาวิชาชีพบัญชีฯ หลังตั้งข้อสังเกตถึง อดีตผู้บริหาร บ.สตาร์คฯ เคยทำงานอนุกรรมการ ของสภาวิชาชีพบัญชีฯ
นาย สุพจน์ สิงห์เสน่ห์เลขาธิการ สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยืนยันว่า การทำงานในอนุกรรมการ สภาวิชาชีพฯ เป็นงานอาสา และไม่เกี่ยวข้องกับปัญหางบการเงิน บ.สตาร์คฯ ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบจากการทำงานของสภาวิชาชีพฯ สามารถร้องเรียนไปยังคณะกรรมการจรรยาบรรณ ซึ่งมีโทษสูงสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีรายงานระบุว่า อดีตผู้บริหาร บ.สตาร์ค เข้าพบ ก.ล.ต.ให้ข้อมูลเส้นทางการเงิน นานกว่า 9 ชม.เพื่อแลกกับการกันตัวเป็นพยาน
แต่ นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต.ปฏิเสธที่จะชี้แจงกระแสข่าวดังกล่าว พร้อมระบุว่า ก.ล.ต.มีอำนาจเรียกผู้เกี่ยวข้อง เข้าให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน หากพบหลักฐานการกระทำผิดถึงผู้ใด ก็พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่
รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ ยังเข้าประชุมนัดแรก ร่วมกับ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อหารือแนวทาง ดำเนินคดีผู้กระทำผิด หลังรับเป็นคดีพิเศษ
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ดีเอสไอ ได้สืบทรัพย์ อดีตผู้บริหาร บ.สตาร์คฯ แล้ว แต่ต้องการรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนาเพียงพอ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาจากปัจจุบัน ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ อดีตผู้บริหาร บ.สตาร์คฯ ไปแล้ว 3 คน พร้อมประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบว่ายังอยู่ในประเทศหรือไม่
ทั้งนี้ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ได้ปิดระบบลงทะเบียน รวบรวมผู้เสียหาย จากการลงทุน หุ้นสามัญ มากกว่า 1,759 ราย คิดเป็นเงิน ลงทุน 4,063 ล้านบาท ก่อนรวมตัวกัน เพื่อฟ้องกลุ่ม และผู้ลงทุนหุ้นกู้ ที่ได้รับผลกระทบจากการผิดนัดชำระ 5 รุ่น รวมกันมากกว่า 9,200 ล้านบาท เช่นเดียวกับ ผู้ลงทุนสถาบันที่เพิ่มทุนให้บริษัท อีก 5,400 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างตั้งบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อเอาผิดอดีตผู้บริหาร โดยไม่รอกระบวนการเข้าแผนฟื้นฟูกิจการฯ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"บจม.สตาร์ค" ขอ ก.ล.ต.ยืดเวลาทำงบการเงินเพิ่มอีก 30 วัน
STARK หุ้นกู้สะเทือนตลาดทุน ผู้ลงทุนหวั่นเงินสูญ