นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร รักษาราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร ลงนามในบันทึกข้อความส่วนราชการ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เรื่อง แนวทางการแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ถึงผู้อำนวยการเขต
ตามที่ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ข้อ 15 กำหนดว่า สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหาร หรือแต่งชุดพื้นเมือง ชุดไทย ชุดลำลอง ชุดฝึกงาน ชุดกีฬา ชุดนาฎศิลป์ หรือชุดอื่น ๆ แทนเครื่องแบบนักเรียน ตามระเบียบนี้ในวันใด ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด โดยคำนึงถึงความประหยัดและเหมาะสม นั้น
เพื่อเป็นการลดภาระคำใช้จ่ายของผู้ปกครอง จึงให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครจัดทำข้อกำหนดให้นักเรียนแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับ อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้นักเรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนด จากนั้นให้นำไปประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นการทั่วไปก่อนนำไปประกาศใช้โดยในกรณีที่มีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้เป็นไปตามความประสงค์ของนักเรียนผู้นั้นที่จะสวมชุดนักเรียน ชุดพละ หรือชุดอื่นใดที่โรงเรียนกำหนดให้มีไว้อยู่แล้ว
แต่ห้ามไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิสรีภาพทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งให้คำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนา และเพศวิถีของนักเรียน จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งให้โรงเรียนในสังกัดทราบและถือเป็นแนวปฏิบัติต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีบันทึกข้อความเรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 พ.ศ.2566 ประกาศ ณ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2566 นั้น
เพื่อเป็นการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียน จึงให้โรงเรียนจัดทำข้อกำหนดฯ ให้นักเรียนไว้ทรงผมได้อย่างอิสระบนพื้นฐานสุขอนามัยที่ดี สะอาด ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ จากนั้นให้นำไปประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นการทั่วไปก่อนนำไปประกาศใช้
ในกรณีมีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้โรงเรียนรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจและตกลงร่วมกัน แต่ห้ามไมให้มีการดำเนินการในลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจของนักเรียน เช่น การตัดผม ทำให้อับอาย ฯลฯ จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งให้โรงเรียนในสังกัดทราบและถือเป็นแนวปฏิบัติต่อไป
ชัชชาติ ย้ำประเมินข้อดี-ข้อเสีย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การปลดล็อกทรงผม และเครื่องแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จะมีการประเมินผลควบคู่ไปด้วย หากมีผลเสียมากกว่าผลดี ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้เหมาะสมอีกครั้ง
เดี๋ยวต้องประเมินว่ามีผลดี ผลเสียอย่างไร ผมว่าไม่ต้องไปกลัว เราพร้อมจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ถ้าเราไม่ยอมทำอะไรใหม่เลย สุดท้ายเด็กก็ไม่ได้คิด ผู้ปกครองก็ไม่มีส่วนร่วม เราต้องกล้าทำ
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การปลดล็อกทรงผม และการแต่งกาย เป็นความตั้งใจของกรุงเทพมหานคร ที่ต้องการจะคืนสิทธิ เสรีภาพให้กับเด็กทุกคน หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ออกประกาศเรื่องสิทธิเด็ก และปลดล็อกการแต่งชุดลูกเสือ เนตรนารีไปแล้ว
หัวใจมี 2 เรื่อง คือ เรื่องสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ตรงนี้คือการทำให้เด็กไปโรงเรียนอย่างมั่นใจ ถูกสุขอนามัย โรงเรียนสามารถประชาสัมพันธ์ มีส่วนร่วมกับนักเรียนในการออกกฎได้ เรื่องที่ 2 การลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง เด็ก ๆ สามารถใส่ชุดอะไรก็ได้มาโรงเรียน ชุดนักเรียนก็ได้ "
การปลดล็อกทรงผมและการแต่งกายของนักเรียนในครั้งนี้ ได้ผ่านการหารือของคณะกรรมการที่ประกอบด้วยตัวแทนครู สำนักการศึกษา ตัวแทนนักเรียน และตัวแทนผู้ปกครอง