วันนี้ (31 ก.ค.2566) ผู้เสียหายหญิงคนหนึ่งที่ถูกตำรวจเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือคดี ที่ถูกกล่าวหาดำเนินคดีฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน นำหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนต.ค.2565 ใน จ.สระบุรี ขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านช่วงกลางคืน จังหวะที่รถยนต์เสียแบตเตอรีหมด และโทรศัพท์มือถือแบตหมด มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือโดยช่วยเข็นรถยนต์ให้ แต่เข็นเข้าไปในที่เปลี่ยว และอ้างว่าจะไปเอาแกลอนเพื่อมาไปซื้อน้ำมันมาเติมรถที่บ้าน
"กัน จอมพลัง" พาหญิงผู้เสียหายอ้างถูกตำรวจสระบุรี เรียกเงิน 100,000 บาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
ได้ขอยืมสายชาร์จโทรศัพท์ ชายคนดังกล่าวบอกว่า ให้เดินไปหยิบสายชาร์จในห้อง จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เข้ามาล็อกห้องและพยายามลวนลาม จึงได้ออกอุบายขอเข้าห้องน้ำ และหลบหนีออกมาได้โดยปีนรั้วหนีไปยังบ้านข้างๆ แต่ถูกเจ้าของบ้านหลังนี้แจ้งข้อหาบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน เพราะตกใจที่เข้ามาช่วงกลางดึก
เมื่อมาแจ้งความที่สถานีตำรวจ ก็ถูกคุมตัวไว้ เนื่องจากถูกดำเนินคดี บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน แต่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับชายเจ้าของบ้านหลังด้วยว่ากระทำอนาจาร จากนั้นเจ้าของบ้านหลังที่ 2 เมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดจึงได้ถอนแจ้งความไป
แต่ตำรวจไม่ให้ถอนแจ้งความ เนื่องจากอ้างว่าเป็นคดีอาญาไม่สามารถถอนแจ้งความได้ จากนั้นตำรวจยศ “พ.ต.ท.” ได้เรียกรับเงิน 100,000 บาท พร้อมอ้างว่าจะช่วยเหลือไม่ฟ้องร้องคดี ไม่ต้องถึงชั้นอัยการ แต่หาเงินให้ไม่ได้จึงต่อรองเหลือ 10,000 บาท ซึ่งตำรวจนายนี้ทำคดีที่ถูกกระทำอนาจารให้ต่อ แต่ก็ยังมาขอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.สั่งสอบข้อเท็จจริง
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง กล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายแล้ว ได้สอบถามไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ก็พบว่า ตำรวจนายดังกล่าวเคยมีประวัติในเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์มาแล้ว 2 ครั้ง และถือว่าเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมเหยื่อ จึงต้องพามาร้องขอความเป็นธรรม ให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำหลักฐาน และสอบปากคำผู้เสียหายว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 หรือไม่ และหากว่ามีหลักฐานดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการด้วย
พร้อมทั้งเตือนให้ประชาชนมีสติหากมีตำรวจมาอ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือทางคดีได้ โดยให้ติดต่อผู้กำกับการของแต่ละพื้นที่ได้ทันที และอย่าโอนเงินเด็ดขาด
ต่อมาหลังเข้าให้ข้อมูลต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งให้นำผู้เสียหายเดินทางไปพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เพื่อแจ้งความกับตำรวจที่เรียกรับผลประ โยชน์ และเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด หากพบกระทำความผิดจริงจะต้องออกจากราชการ
อ่านข่าวอื่นๆ
"ครูเต้ย" ร้อง "บิ๊กโจ๊ก" ซื้อรถหรู แต่ถูก บ.ไฟแนนซ์ ตามทวงคืน
พบศพ ด.ช. 9 ขวบ ถูกคลื่นซัดหายที่หาดแม่รำพึง ห่างจากจุดจมหาย 400 เมตร
"หญิงญี่ปุ่น" เสียชีวิตในโรงแรมเชียงใหม่ ตร.ยังไม่เชื่อคำให้การสามี