ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ปิดคดีพิษรักเกาะพะงัน ฆ่าหั่นศพหมอโคลัมเบีย

อาชญากรรม
8 ส.ค. 66
14:35
5,874
Logo Thai PBS
ปิดคดีพิษรักเกาะพะงัน ฆ่าหั่นศพหมอโคลัมเบีย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

วันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.2566) โรดอลโฟ ซานโช นักแสดงดังชาวสเปนจะมาถึงเมืองไทยตามที่ประสานกับทางสถานทูตสเปนไว้เพื่อเข้าเยี่ยมลูกชาย “แดเนียล หรือ ดานิเอล ซานโช” เชฟหนุ่ม วัย 29 ปี ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพ “เอ็ดวิน อาริต้า” แพทย์ศัลยกรรมชาวโคลัมเบีย วัย 44 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างถูกฝากขังอยู่ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย

คดีนี้ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เพราะ “นายแดเนียล” เป็นลูกชาย โรดอลโฟ ซานโช นักแสดงชื่อดังของสเปนเท่านั้น แต่เขายังเป็นหลานชายของ นายเฟลิกซ์ แองเคล ซานโช กราเชีย นักแสดงระดับตำนานของสเปน ที่เข้ามาก่อเหตุสะเทือนขวัญบนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 ระบุว่า ขณะนี้ยังหาชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตไม่ครบ หลังก่อนหน้านี้พบที่บริเวณหาดสลัดแล้ว 4 ชิ้น จากทั้งหมดที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้แยกชิ้นส่วนอวัยวะจำนวน 14 ชิ้น ซึ่งกลุ่มอาสาสมัครเกาะพะงันยังอยู่ระหว่างการค้นหาเพิ่มเติม

ผู้ต้องหา แยกทิ้งชิ้นส่วน 2 จุด คือ จุดแรกใช้เรือคายัค นำชิ้นส่วนใส่ถุงดำไปทิ้งที่บริเวณเกาะสลัด ส่วนจุดที่ 2 ผู้ต้องหาขับจักรยานยนต์แล้วนำชิ้นส่วนใส่ถุงดำไปทิ้งที่เส้นทางรอบเกาะพะงัน สำหรับมูลเหตุจูงใจเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ผู้ต้องหาต้องการยุติความสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิต แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยอมและขู่ว่าจะเปิดเผยความสัมพันธ์

อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ผู้ต้องหาน่าจะเตรียมวางแผนมาก่อนล่วงหน้า เนื่องจากเดือน ก.ค. ผู้ต้องหาได้แจ้งผู้เสียชีวิตว่าจะเดินทางมาเกาะพะงัน และผู้ตายได้ขอตามมาด้วย โดยมีการจองโรงแรมผ่านเครือข่าย โดยผู้ต้องหาได้เข้าพักในโรงแรมผู้ตายได้จองเอาไว้

พยานหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การขยายผล คือ ผู้ตาย “ เอ็ดวิน อาริต้า” เดินทางเข้ามาไทยลงเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. และได้นอนพักอยู่ใน กทม. 1 คืน ก่อนจะเดินทางเข้ามาที่เกาะสมุยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้ต้องหา ได้เช่ารถจักรยานยนต์ รอรับผู้ตาย โดยพาผู้ตายมาพักที่โรงแรมแห่งที่ 2 ที่ผู้ต้องหาไปเปิดไว้ โดยไม่ได้พาไปโรงแรมที่ผู้ตายได้จองไว้

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบข้อมูลอีกว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ผู้ต้องหาได้ไปซื้ออุปกรณ์ เช่น ถุงดำ มีดขนาดใหญ่ น้ำยาทำความสะอาด จากร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เนื่องจากตำรวจได้สงสัยผู้ต้องหาตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าแจ้งความกับ สภ.เกาะพะงัน ว่า เพื่อนหายเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ส.ค. รอยต่อวันที่ 4 ส.ค. แต่ตำรวจมีข้อมูลว่าผู้ตายได้หายตัวไปตั้งที่วันที่ 2 ส.ค.

โรงแรมที่ 2 ที่ผู้ต้องหาพาไปผู้ตายไปพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจพบคราบไขมัน น้ำยาทำความสะอาด ถุงดำ ผู้ต้องหาระบุว่า สิ่งของดังกล่าวเป็นของโรงแรม ในขณะที่ทางโรงแรมปฏิเสธว่าไม่ใช่ ตำรวจเก็บหลักฐานต่างๆ เช่น คราบไขมัน ดีเอ็นเอ เส้นผม ฯลฯ เพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ พบว่าเป็นของมนุษย์ และยังพบสร้อยคอ และเครื่องประดับบางส่วนของผู้ตาย ซึ่งต้องให้ญาติของผู้ตายที่จะเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค) มายืนยันด้วย

ช่วงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในไทย เป็นจังหวะเดียวครอบครัวที่โคลัมเบียไม่สามารถติดต่อหมอเอ็ดวินได้ จึงประสานมายังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ช่วยติดตามไปยังที่พักที่ผู้ตายได้จองเข้าพักไว้ และพบว่าชื่อผู้ทำการจองที่พักเป็นชื่อของผู้ต้องหาไม่ใช่ชื่อผู้ตาย ก่อนที่จะมีผู้พบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกใส่ถุงดำทิ้งไว้ในหลายจุด

หลังจำนนต่อหลักฐาน “ดานิเอล” ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าหมอเอ็ดวิน เนื่องจากไม่พอใจที่ขอมีเพศสัมพันธ์จึงบันดาลโทสะ ชกต่อย จนศีรษะของเอ็ดวินไปกระแทกอ่างอาบน้ำเสียชีวิต และหั่นศพเพื่ออำพรางคดี

คำสารภาพดังกล่าว ทำให้ศาลจังหวัดเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อนุมัติหมายจับเลขที่ 89/2566 ลงวันที่ 5 ส.ค.2566 ให้ควบคุมตัว ดานิเอล ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย

แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เวลาไม่นานในการปิดคดีฆาตกรรมสยองขวัญนี้ได้ แต่คำรับสารภาพของผู้ต้องหา ก็ยังเป็นที่กังขาของตำรวจ ว่าจะมีการซ่อนปมอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะมีหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่า ผู้ต้องหามีการเตรียมการมาก่อน

โดยชักชวนผู้ตายซึ่งคบกับผู้ต้องหามานานกว่า 1 ปี มาเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้ ที่เกาะพะงัน โดยผู้ตายมักจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต ลงทุนเปิดร้านอาหารที่สเปนให้กับผู้ตาย นอกจากประเด็นชู้สาว ที่ผู้ต้องหาอ้างว่า อยากจะเลิกกับผู้ตายเพราะกลัวว่า พ่อและปู่จะทราบ เนื่องจากผู้ต้องหากำลังจะคบหากับแฟนผู้หญิง

หรือเกิดจากประเด็นทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งหากทางครอบครัวของหมอเอ็ดวินผู้ตาย เดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค) ตำรวจจะต้องตรวจสอบกับญาติของผู้เสียชีวิตว่านำสิ่งของมีค่าติดตัวมามากน้อยเพียงใจ และเป็นหนึ่งในมูลเหตุจูงใจให้ผู้ต้องหาก่อคดีฆาตกรรมนี้หรือไม่

และไม่ว่าจะอย่างไร โทษหนักตามข้อหาที่ผู้ต้องหาวัย 29 ปี ถูกแจ้งไว้ คือ ประหารชีวิตเท่านั้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง