วันนี้ (12 ส.ค.2566) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) จับผู้ต้องหา พร้อมยึดของกลางกล่องพัสดุสำหรับส่งสินค้า จำนวนกว่า 8,000 กล่อง รถกระบะใช้บรรทุกขนพัสดุ 2 คัน จักรยานยนต์ 2 คัน คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง และเครื่องพิมพ์ฉลากรายชื่อลูกค้า 1 เครื่อง
ตำรวจไซเบอร์ แจ้งว่า หลังผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนตำรวจไซเบอร์ว่า มีพัสดุส่งมาจาก บ.ขนส่งพัสดุแห่งหนึ่ง สาขาบางกร่าง จ.นนทบุรี เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นพัสดุที่เก็บเงินปลายทางทั้งหมด จึงเชื่อว่า น่าจะมีความผิดปกติ ตำรวจไซเบอร์จึงได้สืบสวนและพบว่า เจ้าของผู้ส่งพัสดุ คือ นายเอกฉันท์ (สงวนนามสกุล) อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งหลอกส่งสินค้าพัสดุ ไม่ตรงตามที่สั่ง และเรียกเก็บเงินปลายทาง โดยปกปิดข้อมูลติดต่อกลับ ร่วมกับผู้จัดการบริษัทขนส่งพัสดุ โดยได้รับผลประโยชน์กล่องละ 2 บาท ก่อเหตุประมาณ 4 เดือน
แนวทางสืบสวนยังพบว่า นายเอกฉันท์ ได้ร่วมกับนายนพดล ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทขนส่งพัสดุในตำแหน่งเซลล์หาลูกค้า ร่วมกันลงทุนเปิดเพจเฟซบุ๊กและสื่อโฆษณา และว่าจ้างแอดมินทำหน้าที่ตอบลูกค้าในการส่งสินค้าทางออนไลน์ โดยมีสินค้าราคาไม่เกิน 200 บาท เช่น ไฟแช็ก ลำโพงบลูทูธ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยว่า นอกจากนี้ นายนพดล ได้ร่วมกับ น.ส.สุพิตรา ซึ่งเป็นผู้จัดการ บ.ขนส่งพัสดุ สาขาบางกร่าง โดยจะได้ค่าตอบแทนกล่องละ 2 บาท ให้ทำหน้าที่คอยแก้ไขปัญหา หากมีลูกค้าร้องเรียน โดยเมื่อกล่องพัสดุส่งไปยังลูกค้าแล้วลูกค้าหลงเชื่อจ่ายเงินปลายทางเงินที่ได้จะเข้าไปใน บ.ขนส่งพัสดุ
จากนั้นทาง บ.จะโอนเงินให้กับนายเอกฉันท์ผ่านบัญชีม้า ซึ่งระบุชื่อ น.ส.เจสิตา จากนั้น น.ส.เจสิตา จะไปเบิกเงินสด มาให้นายเอกฉันท์
ของกลางกล่องพัสดุสำหรับส่งสินค้า จำนวนกว่า 8,000 กล่อง
เมื่อแอดมินได้รายชื่อลูกค้าก็จะพิมพ์ฉลากติดพัสดุส่งลูกค้าโดยปกปิดสถานที่ส่งสินค้า จากนั้นจะให้หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อไม่ให้ลูกค้าติดต่อผู้ส่งได้แต่จะติดสถานที่ผู้ส่ง ปลายทางเป็นที่ตั้งศูนย์กระจายสินค้า บริษัทขนส่งพัสดุ
พฤติกรรมการส่งพัสดุเป็นการส่งสินค้าที่ไม่ตรงตามที่สั่งครั้งละประมาณ 10,000 - 20,000 กล่อง ผู้ต้องหาจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนหลักล้านบาทแล้วนำผลกำไรมาแบ่งกัน ข้อมูลสืบสวนพบว่า ได้ร่วมกันทำมาประมาณ 4 เดือน สร้างความเสียหายจำนวนมาก
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และร่วมกันฟอกเงิน