ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

โปรดทราบ! ไทยเข้าสู่ "ยุคโลกเดือด" เสี่ยงกระทบสุขภาพ

สิ่งแวดล้อม
23 ส.ค. 66
17:35
7,285
Logo Thai PBS
โปรดทราบ! ไทยเข้าสู่ "ยุคโลกเดือด" เสี่ยงกระทบสุขภาพ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมอนามัย เผยไทยเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) พบเดือนก.ค.ร้อนที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ยทะลุ 1.5 องศาฯ ห่วงกระทบสุขภาพประชาชน หลัง WHO ประเมินผู้สูงอายุไทยเสี่ยงเสียชีวิตจากความร้อน 58 ต่อแสนประชากรในอีก 57 ปีข้างหน้า

วันนี้ (23 ส.ค.2566) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยชี้ว่ายุคโลกร้อน (Global Warming) สิ้นสุดลงแล้ว และยุคโลกเดือด (Global Boiling) ได้เริ่มขึ้นแล้ว

จากการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง พบว่าตั้งแต่ปี 2558–2565 มีอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับภูมิภาคเอเชียพบอุณหภูมิเฉลี่ยในปี 2565 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปีย้อนหลัง 

อุณหภูมิในมหาสมุทรฝั่งเอเชีย มีอัตราร้อนขึ้นเกิน 0.5 องศาเซลเซียสต่อ 10 ปี เร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกประมาณ 3 เท่า

จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น ไฟไหม้ป่า ภัยแล้ง น้ำท่วมฉับพลันเพิ่มขึ้น และรุนแรงมากขึ้นทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยจากมลพิษทางอากาศและภัยแล้ง การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากน้ำท่วม รวมถึงการเสียชีวิตจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด

นอกจากนี้องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ยังให้ข้อมูลว่าเดือน ก.ค.เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดและทวีปเอเชียเป็นภูมิภาคที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย พบว่าในปี 2566 มีแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.5 องศาเซลเซียส โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2566 ที่จ.ตาก มีอุณหภูมิสูงสุด 44.6 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับอันตรายมาก (อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 43 องศาเซลเซียส)

เมื่อเทียบกับค่าเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน และคาดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่องถึงเดือนเม.ย.2567 เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ

WHO ชี้ผู้สูงอายุเสี่ยงเสียชีวิตจากความร้อน 

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากความร้อนในอัตรา 58 ต่อแสนประชากร หรือ 14,000 คน ภายในปี 2623 หรือในอีก 57 ปีข้างหน้า

ดังนั้นขอให้ประชาชนเตรียมรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการร่วมมือ ป้องกันไม่ให้สถานการณ์ภาวะโลกเดือดมากกว่าเดิม โดยช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ลดการใช้พลาสติก ลดการเผาที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ ลดการใช้พลังงาน ลดขยะในครัวเรือน และเลือกใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียน 

รวมทั้งเตรียมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น หมั่นติดตามสภาพอากาศ หากพบว่ามีสภาพอากาศร้อนขึ้น ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี

แต่หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมภายนอกอาคาร ควรสวมเสื้อแขนยาว หมวกปีกกว้าง แว่นตา และทาครีมกันแดด รวมถึงควรงดดื่มสุรา น้ำหวาน น้ำอัดลม สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงสูง ควรมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด และเตรียมเบอร์โทรศัพท์ 1669

อ่านข่าว

ไขคำตอบ เอลนีโญ-ลานีญา ความต่างที่สุดขั้ว

โลกร้อน “ลานีญา” สลับขั้ว "เอลนีโญ"ไทยเผชิญฝนน้อย-แล้งยาว 19 เดือน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง