วันนี้ (24 ส.ค.2566) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลภาคใต้ แถลงข่าวพร้อมกลุ่ม 16 สส. ที่รัฐสภา ในการโหวตสวนมติพรรคในวันโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า
ในที่ประชุมพรรคก่อนวันโหวตนายกฯ นั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคกล่าวว่า "อย่าโหวตกันเลย อย่าโหวต แต่ข้อเท็จจริงการโหวตเป็นเอกสิทธิ์ของ สส." พวกเราเกือบ 20 คนจึงคิดกันว่า นั่นคือมติหรือไม่ใช่มติกันแน่
ต่อมาวันที่ 22 ส.ค. พวกเราก็นั่งฟังการอภิปรายความเหมาะสมไม่เหมาะสมของ นายเศรษฐา ทวีสิน ในภาพรวมเกือบ 100% พวกเรารับได้ จนถึงตอนโหวต ก็เห็นว่า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ โหวต งดออกเสียง
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน โหวต ไม่เห็นชอบ
นายชวน หลีกภัย โหวต ไม่เห็นชอบ
นี่คือ 3 เสาหลักของพรรคในเวลานี้ ยังโหวตไม่เหมือนกัน พวกเราจึงมาคิดว่า มติพรรคคงไม่ใช่มติพรรคแล้ว เพราะคำว่ามติพรรคจะขอยกเว้นไม่ได้ มีออกไปทางใดต้องเป็นทางนั้น
เราจึงมาแยกว่า ระหว่าง พรรค กับ ประเทศชาติ เราควรจะเลือกทางไหน เราลงความเห็นตรงกันว่า ถ้าจำเป็นต้องเลือก ก็ขอเลือกชาติและประชาชนไว้ก่อน โดยเฉพาะขณะนี้ พรรคเพื่อไทย สามารถรวมเสียงได้เกิน 250 เสียง และยังเป็นรัฐบาลสมานฉันท์
กปปส. ที่เคยขับไล่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่เคยเป็นงูเห่าสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยแล้วมาสนับสนุนให้ประชาธิปัตย์ได้เป็นนายกฯ ในตอนนั้น คือ คุณอภิสิทธิ์ วันนี้เขายังมาสมานฉันท์กันได้เลย
แล้วพวกเราเป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่เกือบทั้งหมด ไม่เคยใส่เสื้อเหลือง เสื้อแดง ไม่เคยมีความขัดแย้ง เราไม่ควรมารับมรดกความขัดแย้งต่อจากรุ่นเก่าๆ
โหวตให้แต่เป็นฝ่ายค้าน
นายเดชอิศม์ กล่าวต่อว่า ทุกคนมีความเห็นตรงกันที่จะสนับสนุนและเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทย แต่พวกเรายังเป็นฝ่ายค้าน
ณ วันนี้เรายอมเป็นฝ่ายค้านเต็มรูปแบบ เต็มตัว ทั้งความเป็น สส. และ ศักดิ์ศรีความเป็นประชาธิปัตย์ เราไม่กระเหี้ยนกระหือรือ กระเสือกกระสนไปเป็นฝ่ายรัฐบาล
เพราะหลักการร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ยังเหมือนเดิม
- ต้องเทียบเชิญมาก่อน
- พวกเราทุกคนตัดสินใจไม่ได้ ต้องประชุมร่วมระหว่าง กรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการในปัจจุบันกับ สส. แล้วลงมติ
- มติว่าอย่างไร ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
หากพบพรรคอื่นแล้วผิดมาก คงถูกประหารชีวิต
ต่อมา นายเดชอิศม์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณีบินไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง ว่า ตนเป็นคนมีเพื่อนเยอะ รู้จักและสนิทกับหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค สามารถแยกได้ระหว่างหน้าที่-ความผูกพัน, หน้าที่-ความโกรธแค้นชิงชังในอดีต โดยเด็ดขาด
ถ้าเอาหน้าที่ สส.ไปผูกพันกับความรัก ก็ลำเอียง
ถ้าเอาหน้าที่ สส.ไปผูกติดกับความชิงชัง ก็เกิดอคติ
พวกเราสนิทกับทุกพรรค ถ้าการไปพบทุกพรรคแล้วมีความผิด ผมน่าจะโดนประหารชีวิตไปตั้งนานแล้ว เพราะคงเป็นความผิดมาก ผทสนิทกับหัวหน้าพรรคทุกพรรคการเมือง
รับ ปชป. ไม่มีเอกภาพ-ไม่คิดขับใครพ้นพรรค
นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า ความเป็นเอกภาพของประชาธิปัตย์เริ่มไม่มีตั้งแต่องค์ประชุมล่ม 2 ครั้ง วันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเลือกกรรมการบริหารพรรคได้เมื่อไหร่ ต้องย้อนถามกลุ่มคนบางกลุ่มที่ทำให้องค์ประชุมล่ม
ส่วนประเด็นการขับออกจากพรรค ข้อเท็จจริงคือ ต้องใช้ สส. ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ลงมติ 3 ใน 4 ที่ประชุม
ดูไปดูมา เสียงส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ทั้งหมด ก็ไม่รู้ว่าใครจะขับใครกันแน่
แต่ส่วนตัวไม่เคยคิดขับใครออกจากพรรคแม้แต่คนเดียว พร้อมพูดคุย เจรจา ขอให้อยู่บนเหตุบนผล บนความเป็นไปได้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาเจรจากับเราเลย ไม่ว่าจะเรื่องการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หรือ ทิศทางใดๆ
เรามาจากประชาชน เราก็อยากสะท้อนบอกประชาชน พวกเราพร้อมออกจาก สส. วันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าเรารู้สึกว่าเราทรยศประชาชน ไม่ว่าคนใต้หรือคนทั้งประเทศ เราไม่เคยคิดทรยศ เราซื่อสัตย์ พร้อมทำงานให้ประชาชน สิ่งที่เราแคร์ที่สุดคือชาติและประชาชน
พรรคไม่แตก ย้ำยังทำงานร่วมกันได้
นายเดชอิศม์ เสนอทางออกหาเอกภาพกลับคืนพรรคด้วยการ เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ได้ ขอฝ่ายที่ทำองค์ประชุมล่มคิดให้ได้ว่า ทำอย่างไรให้องค์ประชุมครบ ส่วนเรื่องการเลือกกรรมการบริหารพรรค ก็เป็นเรื่องการแข่งขันกันอีกที ต่อให้พวกเราจะแพ้ ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่เราก็ยินดีจะทำงานร่วมกัน
ยอมรับว่าในอดีต ไม่ได้เลือกนายจุรินทร์ เป็นหัวหน้าพรรค แต่เมื่อมีกระบวนการล้มนายจุรินทร์ พวกตนต่างหากที่เป็นฝ่ายปกป้องนายจุรินทร์มาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่า พวกเรายินดีให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย
ย้ำว่าพรรคไม่แตก แค่ความเห็นไม่ตรงกัน ขอให้ลดทิฐิหาทางพูดคุยกัน
อ่านข่าวอื่น :