วันนี้ (30 ส.ค.2566) ทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุฆาตกรรมชายอายุ 73 ปี เสียชีวิต ก่อนที่จะลักทรัพย์รถยนต์กระบะ และรถจักร ยานยนต์ 2 คันไป ในขณะที่ภายในบ้านยังมีภรรยาอายุ 70 ปี ที่นอนป่วยติดเตียงอยู่ด้วย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจจับกุม นายเกรียงไกร วงค์บุตร ผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แล้ว
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จะเห็นผู้ก่อเหตุปีนขึ้นมาจากหลังบ้าน โดยผ่านจุดที่เจ้าของบ้านเลี้ยงไก่ชนเอาไว้ และถือไม้ พร้อมกับเดินหาสิ่งของที่อยู่ด้านหลังบ้าน ก่อนที่จะถอดบานเกล็ดหน้าต่างเข้าไปภายในบ้าน และก่อเหตุใดเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 28 ส.ค.นี้ จากนั้นพบว่ามีการถอดปลั๊กกล้องวงจรปิด ทำให้กล้องไม่สามารถบันทึกภาพขณะที่รถถูกขับออกไปได้
วงจรปิดหลักฐานมัดตัวผู้ก่อเหตุฆาตกรรมชายวัย 73 ปีเสียชีวิต
ทีมข่าวได้ตรวจสอบบริเวณด้านหลังบ้านของผู้เสียชีวิต พบเป็นที่ดินโล่ง และหลังบ้านมีต้นไม้ใหญ่ 3 ต้น ปลูกอยู่ติดกับกำแพงบ้าน ที่มีการล้อมรั้วลวดหนามไว้ด้านบน บางช่วงเป็นสังกะสีสลับกับอิฐบล๊อก ซึ่งคาดว่าบริเวณด้านหลังบ้านเป็นจุดที่ผู้ต้องหาปีนเข้าไปในบ้าน
ขณะที่บริเวณหน้าบ้านของผู้เสียชีวิต ขณะนี้ตำรวจได้ปิดกั้นเป็นพื้นที่ห้ามเข้า เพื่อไว้รอตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งบ้านหลังนี้ได้เปิดเป็นร้านขายของชำในหมู่บ้าน และตอนเช้าก็จะขับรถกระบะไปขายที่หน้าโรงเรียนในละแวกนี้
เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ บอกว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนอัธยาศัยดี วันที่เกิดเหตุก็ไม่พบสิ่งผิดปกติหน้าบ้าน และเห็นว่ารถกระบะไม่อยู่ ก็นึกว่าพาภรรยาที่ป่วยไปหาหมอที่โรงพยาบาล จึงไม่คิดว่าเกิดเหตุภายในบ้าน แต่มารู้ข่าวอีกทีคือช่วงสายวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบภายในบ้าน
สภาพหลังบ้านเป็นป่ารก ทำให้ผู้กอเหตุอาศัยความมืดปืนขึ้นรั้ว
ขณะที่เพื่อนบ้านอีกคน บอกว่าเคยเห็นผู้ก่อเหตุตั้งแต่เกิด จนถึงอายุประมาณ 7-8 ขวบ จากนั้นก็ไม่ได้เจอกันมากว่า 10 ปี จนกระทั่งทราบว่าถูกจับดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และมาพบเจออีกครั้งในช่วงนี้ที่อายุ 35 ปีแล้ว และเคยก่อเหตุที่บ้านหลังนี้มาแล้วครั้ง หนึ่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยขโมยกุญแจบ้านหลังนี้ไปด้วย ก่อนที่จะมาก่อเหตุอีกครั้ง
ส่วนหลังเกิดเหตุ ก็รู้สึกตกใจ หวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่ามีผู้ก่อเหตุมากกว่า 1 คน เพราะไม่สามารถยกรถจักรยานยนต์ขึ้นบนรถกระบะได้
สำหรับบ้านหลังที่เกิดเหตุนี้ ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่กับภรรยาที่ป่วยติดเตียงอายุ 70 ปี อยู่คนละบ้านกับลูกชาย ซึ่งนายชาตรี กล้าหาญ ลูกชาย เล่าว่า พี่สาวได้โทรศัพท์ไปหาพ่อ ในช่วงเช้าวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่รับสาย
ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง-ตร.ตามรถกระบะคืน
กระทั่งเข้าไปหาในช่วงเช้าวันที่ 29 ส.ค.จนทราบว่าพ่อถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต มีบาดแผลบนใบหน้าหลายแห่ง ส่วนภรรยาของพ่อ ไม่สามารถสื่อสารได้ นอนอยู่บนเตียง ซึ่งบ้านหลังนี้ ถูกปีนเข้ามาก่อเหตุแล้วรวม 3 ครั้ง จึงมีการติดกล้องวงจรปิด และบันทึกภาพที่เกิดเหตุวันที่ 12 ส.ค.นี้ มีการแจ้งความไว้แล้ว และตำรวจกำลังติดตามตัว กระทั่งเกิดเหตุความสูญเสียขึ้นอีกครั้ง
ตำรวจสามารถยึดรถกระบะได้คืนแล้ว หลังผู้ก่อเหตุนำไปประกาศขาย
ศพของผู้เสียชีวิตญาติ ได้นำมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านของลูกชาย โดยจะสวดพระอภิธรรม ก่อนที่จะทำพิธีฌาปนกิจศพวันที่ 3 ก.ย.นี้ ที่วัดหนองตาสาม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
ส่วนทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์ไป ตำรวจได้ติดตามรถกระบะ โดยการล่อซื้อจากผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาประกาศขายอยู่ และติดตามรถจักรยานยนต์มาได้แล้ว 1 จาก 2 คัน
พ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอู่ทอง กล่าวว่า หลังตามจับผู้ต้องหา รับว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว และเมื่อตรวจสอบประวัติพบเพิ่งพ้นโทษมาได้ 4-5 เดือน จากคดียาเสพติด มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มีอาชีพเก็บขยะขาย และวันนี้ตำรวจก็ต้องตัดสินใจยกเลิกการชี้จุดทำแผนเกรงจะเกิดความวุ่นวาย