ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"อินโดนีเซีย" สั่งห้ามซื้อขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์

ต่างประเทศ
28 ก.ย. 66
06:50
1,492
Logo Thai PBS
"อินโดนีเซีย" สั่งห้ามซื้อขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์
อ่านให้ฟัง
05:33อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"อินโดนีเซีย" สั่งห้ามขายสินค้าบนสื่อออนไลน์ หลังมีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการคุมเข้มเพราะแย่งตลาดขายสินค้าหน้าร้าน ด้านโฆษก TikTok ชี้คำสั่งนี้จะกระทบผู้ค้าในอินโดฯ หลายล้านคน

วันนี้ (28 ก.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเรียกร้องทั้งจากฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐและบรรดาธุรกิจห้างร้านขนาดเล็ก ขอให้ทางการอินโดนีเซียออกระเบียบคุมเข้มการขายสินค้าบนสื่อสังคมออนไลน์ หลังแย่งตลาดขายสินค้าหน้าร้าน จนทำให้รายได้หดหาย ซึ่งรัฐบาลออกมารับลูกในทันที

รัฐมนตรีกระทรวงการค้า ขึ้นเวทีประกาศอย่างเป็นทางการ หลังจากเริ่มบังคับใช้คำสั่งห้ามซื้อขายสินค้าบนสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Facebook หรือ Instagram ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ยกเว้นการโฆษณาส่งเสริมการขายสินค้า โดยจะให้เวลา 1 สัปดาห์ในการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับฉบับใหม่

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ทางการยังกำหนดยอดสั่งซื้อสินค้าต่างประเทศต้องมีขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยถือเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อปกป้องธุรกิจขนาดเล็กในประเทศ ซึ่งบางเจ้าระบุว่า มียอดขายลดลงกว่าร้อยละ 80 หลังจากไม่สามารถลดราคาสู้กับสินค้าที่ขายบนสื่อออนไลน์ได้ ทั้งๆ ที่ผลิตสินค้าขายเอง

การซื้อ-ขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์

การซื้อ-ขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์

การซื้อ-ขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์

แม้จะมีช่องทางซื้อขายสินค้าบนสื่อออนไลน์หลายช่องทาง แต่ที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุดและโดนผลกระทบจากคำสั่งนี้เต็มๆ คือ TikTok Shop ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ใช้อินโดนีเซียเป็นโครงการนำร่องทดลองเปิดตัวขายสินค้าออนไลน์ ตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี

ก่อนที่ในปี 2023 จะขยายการให้บริการเข้าไปในฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม รวมถึงไทย ซึ่งทำให้ยอดขายสินค้าถีบตัวเพิ่มจาก 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าในปีนี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจพุ่งสูงแตะ 15,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเติบโตของยอดผู้ใช้งาน TikTok ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีไม่ต่ำกว่าเดือนละ 325 ล้านคนและในจำนวนนี้เป็นผู้ใช้ที่อยู่ในอินโดนีเซียกว่า 1 ใน 3

ด้วยตัวเลขของผู้ใช้งานที่สูง จึงไม่น่าแปลกที่ TikTok จะพยายามเข้ามาบุกตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา CEO ของ TikTok เดินทางมากรุงจาการ์ตาด้วยตัวเอง และประกาศเตรียมลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาสในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ TikTok Shop

แต่คำสั่งล่าสุดของรัฐบาลอินโดนีเซียดับฝัน TikTok ซึ่งประเมินว่า คำสั่งนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในท้องถิ่นที่อาศัยช่องทางสื่อออนไลน์ในการหาลูกค้าและซื้อขายสินค้ากว่า 6 ล้านคน แต่ในด้านหนึ่ง ทางการยืนยันว่าคำสั่งนี้จะช่วยรับประกันความเท่าเทียมในการแข่งขันทางธุรกิจ หลังจากกลยุทธ์การค้าของสื่อสังคมออนไลน์ทำให้เกิดการผูกขาดและคุกคามธุรกิจท้องถิ่น

การซื้อขายสินค้าบนสื่อออนไลน์ หรือ Social Commerce เป็นหนึ่งในช่องทางซื้อของออนไลน์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ปัจจุบันยังกินส่วนแบ่งเพียงเศษเสี้ยวของยอดขายสินค้าออนไลน์ทั้งหมดเท่านั้น โดยเมื่อปี 2022 ยอดขายสินค้าออนไลน์ในอาเซียนสูงกว่า 99,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้เกินครึ่งเป็นยอดใช้จ่ายของอินโดนีเซีย ทิ้งห่างไทยที่เป็นอันดับ 2 หลายเท่าตัว ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซียและสิงคโปร์

แต่ตัวเลขที่เห็นเป็นยอดขายสินค้าบน TikTok เพียงไม่กี่เปอร์เซนต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดเป็นยอดขายบนแพลตฟอร์ม E-Marketplace หรือตลาดนัดบนโลกออนไลน์ เช่น Shopee มียอดขายสูงที่สุด มูลค่ามากกว่า 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ Lazada อีกกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้าการประกาศคำสั่งของอินโดนีเซีย มีการประเมินว่ายอดขายสินค้าออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะพุ่งสูงทะลุ 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2028

วิเคราะห์โดย ทิพย์ตะวัน ธีรนัยพงศ์

อ่านข่าวอื่นๆ

เกินคาด! เกาหลีเหนือยอมส่งทหารอเมริกันกลับประเทศ

ทะเลจีนใต้ระอุ "ฟิลิปปินส์" รื้อแนวกั้นลอยน้ำของจีนในพื้นที่พิพาท

ถูกฉาบด้วยสีดอกเลา "ญี่ปุ่น" ขึ้นแท่นแชมป์ผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Failed to load player resources

Please refresh the page to try again.

ERROR_BYTEARK_PLAYER_REACT_100001

00:00

00:00

ให้คะแนนการอ่านข่าวนี้