รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึง ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.ย.66 อยู่ที่ระดับ 58.7 ปรับตัวดีขึ้นจากในเดือน ส.ค.ที่ 56.9 เป็นกปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ42เดือนนับตั้งแต่ มี.ค.2563
เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่น หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพ ตลอดจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ การเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้น
หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วการเมืองต่างๆ ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลใหม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วภายใต้นโยบายที่ได้ประกาศไว้
อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม ยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง
และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก
ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
อ่านข่าวอื่นๆ:
"สงครามอิสราเอล" ส่งผลตลาดลงทุน จับตาราคาน้ำมัน-ทองคำ
ปธ.หอการค้าไทยฯเสียใจเหตุไม่สงบอิสราเอล ชี้ไม่กระทบการค้า2ฝ่าย