ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และค่าครองชีพที่สูงเป็นเวลานาน ส่งผลให้สถานการณ์เงินฝากของไทยลดลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยวันนี้ (2 พ.ย.2566) นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผอ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เปิดเผยว่า ยอดเงินฝากเดือน ส.ค.2566 อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาท ลดลง 212,688 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.32 ขณะที่จำนวนผู้ฝากเงินเพิ่มขึ้น 3 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยล 3.37
หากพิจารณาข้อมูลย้อนหลังจากปี 2560-2566 จะเห็นได้ว่ามีแนวโน้มเติบโตมาโดยตลอด แม้ในปี 2563 ที่เป็นปีที่จีดีพีติดลบจากปัญหาการระบาดโควิด-19
หากวิเคราะห์ในรายละเอียดจะพบว่า คนทุกกลุ่มตั้งแต่คนรวยไปจนถึงคนจนต่างมีเงินฝากในบัญชีลดลง โดยจำนวนเงินฝากที่มีเงินในบัญชีไม่เกิน 50,000 บาท หดตัวร้อยละ 3.61 ณ เดือน ส.ค.นี้ พบว่าค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้มีเงินในบัญชีน้อยกว่า 5,000 บาท
ขณะที่กลุ่มคนที่มีบัญชีเงินฝากมากกว่า 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท มีการปรับลดลงทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เช่น บัญชีที่มีเงินฝากตั้งแต่ 200,000 - 500,000 บาท มีจำนวนรายที่ลดลงร้อยละ 33 แม้แต่ผู้ฝากรายใหญ่ก็มีจำนวนเงินฝากลดลงในปี 2566 เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นผลจากการโยกไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น ทองคำ
สำหรับแนวทางในการดำเนินนโยบายเพิ่มรายได้ให้ประชาชน เช่น การแจกเงินดิจิทัล ก็จะช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชนได้ แต่จะให้ในกลุ่มใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับแนวทางของรัฐบาลที่เห็นว่าเหมาะสม
อ่านข่าวอื่นๆ
ธปท.ห้ามแอปฯ ธนาคารล่มเกิน 8 ชม./ปี โทษปรับสูงสุด 5 แสน
กฟภ.รับลูก มท.1 ให้ผู้มีรายได้น้อยค้างค่าไฟได้ 3 เดือน เริ่ม ธ.ค.นี้