เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2566 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการครั้งที่ 9 ว่า เนื่องจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคได้ลาออก ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม
โดยคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีมติมอบหมายให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ปฏิบัติหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคตามข้อบังคับพรรค เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคตามกฎหมาย และข้อบังคับพรรคต่อไป
อ่านข่าว "จุรินทร์" ลาออก รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนการกำหนดวัน เวลา สถานที่ องค์ประชุม ในการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค ที่ประชุมได้มอบให้คณะทำงานไปพิจารณาในรายละเอียด ซึ่งจะมีการไปยกร่างระเบียบเพื่อกำหนดองค์ประชุมเพิ่มเติม และกำหนดวัน เวลา สถานที่ เพื่อนำเสนอ กก.บห.ต่อไป
ที่ประชุม กก.บห.ได้กำหนดกรอบระยะเวลาไว้คือ ต้องจัดให้มีการประชุมภายในวันที่ 9 ธ.ค.นี้
ยันชื่อ "นราพัฒน์" คลาดเคลื่อน
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ที่กรรมการบริหารพรรคที่มาประชุมได้กล่าวถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ได้ลาออกว่า เป็นการเสียสละ เพื่อให้การจัดประชุมใหญ่วิสามัญได้ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีข้อสงสัยในเรื่องข้อกฎหมาย ทั้งๆ ที่ รัฐธรรมนูญ กฎหมายและข้อบังคับพรรค ได้ระบุชัดให้ทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค
ส่วนที่มีเอกสารฐานข้อมูลของกองทุน เพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองได้มีชื่อ นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค เชื่อว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งต่อมาก็มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแล้ว และพรรคก็ได้ทำหนังสือแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบถึงรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะ และนายทะเบียนพรรคการเมืองก็ทราบแล้ว
ยังไม่อยากโยงถึงขั้นยุบพรรค
นายราเมศ ยังได้ตอบคำถามที่สื่อมวลชนสอบถามว่า หากการประชุมครั้งต่อไปไม่สามารถประชุมเลือกหัวหน้าพรรคได้จะไปถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ด้วยว่า กรณีนี้ต้องย้ำว่าการประชุมวิสามัญเป็นการกำหนดการประชุมในเรื่องที่สำคัญ และจำเป็นต้องทำ จะรอไปถึงการจัดประชุมสามัญไม่ได้
ไม่อยากให้โยงไปถึงประเด็นการยุบพรรค เรื่องนี้เป็นกระบวนการภายใน ที่สำคัญการจัดประชุมใหญ่สามัญที่เป็นทางการตามที่กฎหมายกำหนดว่า ต้องจัดขึ้นปีละหนึ่ง ครั้งภายในเดือน เม.ย.ปี 2567 ซึ่งยังมาไม่ถึง
ไม่อยากให้เรื่องไปไกลถึงขั้นยุบพรรค เพราะไม่มีเหตุใดที่จะนำไปสู่การยุบพรรค มั่นใจว่าการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคที่จะถึงนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีอะไรน่ากังวล