วันนี้ (23 พ.ย.2566) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยว่า จากข้อตกลง ผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมตัวประกันที่ยังถูกจับอยู่ในกาซา และมอบเวชภัณฑ์ที่จำเป็นให้กับตัวประกัน พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่า อิสราเอลจะชนะและจะสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้
ท่าทีของผู้นำอิสราเอลครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากอิสราเอลและฮามาสบรรลุข้อตกลงพักรบชั่วคราวเป็นเวลา 4 วัน เพื่อเปิดทางจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แลกกับการปล่อยตัวประกันที่เป็นพลเรือนทั้งผู้หญิงและเด็ก 50 คน ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัวผู้หญิงและเด็กชาวปาเลสไตน์ในเรือนจำออกมา 150 คน
อ่านข่าว : "รัฐบาลอิสราเอล" เห็นชอบข้อเสนอปล่อยตัวประกัน 2 ฝ่าย
แต่ล่าสุด หัวหน้าสภาความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล เปิดเผยว่า จะยังไม่มีการปล่อยตัวประกันก่อนวันที่ 24 พ.ย.นี้ แต่การเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายคืบหน้าและจะยังคงดำเนินต่อไป
ด้านแหล่งข่าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อิสราเอล ระบุว่า ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรเป็นสาเหตุเบื้องหลังของความล่าช้าในการปล่อยตัวประกันครั้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า สาเหตุอาจเป็นเพราะอิสราเอลยังไม่ได้รับรายชื่อตัวประกันชุดแรกที่ฮามาสจะปล่อยออกมา
ขณะที่สื่อท้องถิ่นอิสราเอล รายงานว่า ทั้งอิสราเอลและฮามาสยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงปล่อยตัวประกัน นอกจากนี้แหล่งข่าวในรัฐบาลอิสราเอลยังระบุด้วยว่า การหยุดยิงก็จะล่าช้าออกไปเช่นเดียวกัน
ทหารเดินผ่านสิ่งที่กองทัพอิสราเอลระบุว่าเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่กลุ่มฮามาสขุดไว้ภายในโรงพยาบาลอัล-ชีฟา
อิสราเอลเผยภาพอุโมงค์ฮามาสใต้ รพ.ในกาซา
กองทัพอิสราเอล เปิดเผยภาพที่ระบุว่าเป็นอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งอยู่ข้างโรงพยาบาลอัล-ชีฟาในกาซา ซิตี โดยอุโมงค์ดังกล่าวสูงประมาณ 2 เมตร และมีปากทางเข้าอยู่บริเวณพื้นที่ของโรงพยาบาลที่ครั้งนึงเคยมีชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนมาพักหลบภัยที่นี่
ด้านผู้บัญชาการกองพลที่ค้นพบอุโมงค์นี้ ระบุว่า กลุ่มฮามาสใช้โรงพยาบาลเป็นโล่มนุษย์ปกป้องตนเอง จึงทำให้อยู่รอดมาได้ โดยภายในอุโมงค์แห่งนี้มีทั้งห้องครัวและห้องประชุมติดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งใช้เป็นฐานบัญชาการของกลุ่มฮามาส รวมทั้งเชื่อว่าอุโมงค์ดังกล่าวน่าจะเชื่อมเข้าไปยังตัวเมืองได้และคาดว่าน่าจะมีอุโมงค์ในจุดอื่นๆ ด้วย
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลกล่าวหาว่ากลุ่มฮามาสใช้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นศูนย์บัญชาการและควบคุม แต่กลุ่มฮามาสและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
อ่านข่าวอื่นๆ
คิงชาร์ลส์ที่ 3 พระราชทานเครื่องราชฯ แก่สมาชิกวง BLACKPINK