"พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์" อดีต รอง ผบ.ตร. "ชี้ทางล้างตั๋ววิ่งเต้น"

วันนี้ (25 พ.ย.2566) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีต รอง ผบ.ตร. ตอบข้อซักถามใน "รายการข่าวเจาะย่อโลก" ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ ผู้กำกับการ หรือ สัญญาบัตร 4 ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดถึง "ตั๋ว" ในการประชุม สส.ของพรรคเพื่อไทย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการล้วงลูกของการเมือง และความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย

ชมคลิปรายการ “พล.ต.อ.เอก” ชี้ทาง ล้างตั๋ววิ่งเต้น

ถาม : การวิ่งเต้นมีทุกลำดับชั้นหรือไม่

ตอบ : คงมีทุกลำดับชั้นละครับ สมัยก่อนเขาเรียกว่า 3-5-7 เหมือนอาวุธปืนนะครับ เพราะว่าปืนนี่มันมี .38 .357 เป็นการสื่อสารกัน สมัยก่อน รุ่นผมที่จะขึ้นเป็นสารวัตร เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ถ้าจะเป็นต้องจ่าย 300,000 บาท รอง ผกก. 500,000 บาท ถ้า 700,000 บาท นี่ได้เป็นผู้กำกับการ เป็นวัฏจักร เป็นวงจรอุบาทว์ที่ไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีการจับได้คาหนังคาเขา ไม่มีการลงโทษกัน

ถาม : แสดงว่าสิ่งนี้มันมีอยู่จริงหรือครับ เรื่องการขอตำแหน่ง การวิ่งเข้าหานักการเมือง

ตอบ : คงเป็นเรื่องจริง คงปฏิเสธไม่ได้ เพียงแต่ว่ามันไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีผู้เสียหาย ไปร้องหรือมีการตรวจสอบกันอย่างชัดเจน

ถาม : ถ้าวิ่งเต้นในยุคนี้มันวิ่งเต้นได้จริงหรือเปล่า

ตอบ : ถ้าวิ่งได้ ถ้าบอกว่าไม่มี หรือไม่เกิดขึ้น คงไม่ใช่นะครับ เพียงแต่ว่าถ้าพูดให้เห็นภาพ คือไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าย้อนไปนิดหนึ่งอยากจะเรียนให้ทราบว่า ปัญหาทั้งหมดมันเป็นโจทย์ เรื่องตั๋ว เรื่องซื้อขายตำแหน่ง มันเป็นที่มาของการปฏิรูปตำรวจ และ ณ เวลานี้ เราก็ต้องถือว่ามีการปฏิรูปในส่วนนี้แล้ว

เพราะกฎหมายใหม่ที่ออกมา กำหนดหลักเกณฑ์ลงรายละเอียดในเรื่องการปฏิบัติ เกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย มีการสอบทาน เรียกว่า ทุกขั้นตอน และที่สำคัญกำหนดไว้เป็นความผิดวินัย เป็นความผิดอาญา

แต่เดิมกรณีการวิ่งเต้น แต่งตั้งโยกย้าย ทำแล้วผิดระเบียบ ทำแล้วไม่ถูกต้อง ก็มีการร้องทุกข์ สั่งแก้ไขเยียวยา ก็คือย้ายกหลับ หรืออะไรทำนองนี้ แต่ผู้บังคับบัญชาไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่โดนวินัย ไม่ถูกลงโทษอะไรเลย ก็เรียกว่าเจ๊ากันไป แต่ตอนนี้ในกฎหมายใหม่ทำไม่ได้

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีต รอง ผบ.ตร.

ถาม : จริง ๆ ขั้นตอนของการตรวจสอบมีหลายชั้นมาก เพื่อป้องกันไม่ให้มี อย่างน้อยคนที่เขารู้สึกว่าเสียเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม มีช่องทางให้เขาร้อง ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ทำกันมาจนถึงขณะนี้ แต่นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นประธาน ก.ตร.ไปพูดแบบนั้นกับ สส.มันเสียหรือเปล่า

ตอบ : ผมคิดว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติ ณ เวลานี้ สังคมในภาพรวม แม้ว่าท่านจะปฏิเสธและพยายามอธิบาย แต่สังคมก็เข้าใจไปอย่างที่ทุกคนเข้าใจแล้ว เหมือนกันเป็นการฝากฝังเกิดขึ้น ถ้าแม้ว่าโดยข้อเท็จจริง อาจจะคลาดเคลื่อนนิดนึง เพราะขณะนี้มันยังไม่มีผลออกมา

ขณะนี้การแต่งตั้งระดับผู้กำกับผู้ระหว่างดำเนินการ จะต้องเสร็จภายใน 30 พ.ย. ผมก็ไม่ยืนยันในคำพูด เพราะคำพูดที่ท่านสื่อสารออกมา เมื่อมาวิเคราะห์กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มันเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ได้ทั้งสองทาง เพราะจริง ๆ แล้วยังไม่รู้ว่า ใครจะได้รับการแต่งตั้ง หรือไม่ได้รับการแต่งตั้ง

เราอยู่ในสังคม เราอยู่ในแวดวง เพราะฉะนั้นในแต่ละส่วน ในแต่ละภาค เขาจะรู้กันว่า ทำไมคนนี้ได้ คนนี้ไม่ได้ คนนี้มาทางไหน ใครสนับสนุน เป็นลูกน้องใคร อย่างนายพลนี่ผมเห็นรายชื่อนี่บอกได้เลยว่า เติบโตมายังไง เป็นลูกน้องใคร ใครเป็นผู้สนับสนุน เขาดี เขาไม่ดียังไง อันนี้มันเป็นสังคมของเรา เราอยู่กันมา 30-40 ปี

ถาม : ถ้าสมมุติเป็นเด็กฝาก เพื่อนก็รู้ว่าเป็นเด็กฝาก ไม่อายหรือครับ

ตอบ : ตรงนี้ต้องแยกแยะนะครับ ฝ่ายสนับสนุนก็ส่วนหนึ่ง แม้กระทั่ง ณ เวลานี้ คนทำงาน คนที่มีความรู้ความสามารถ ก็ต้องให้ผู้บังคับบัญชาช่วย Recommend ให้ด้วย มันเหมือนถ้าจะไปเรียนหนังสือต่างประเทศ ถึงแม้เรียนเก่งอยู่แล้ว สอบได้แล้ว แต่ก็ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชาไปประกอบ เพราะเรื่องพวกนี้มันเป็นธรรมเนียม ประเพณีปฏิบัติว่า อยู่จนอาวุโสครบ มีเกณฑ์ที่จะเลื่อนขึ้น มันก็จะต้องมีการรับรอง

ถ้าในความหมายของผม อย่างตั๋ว ถ้ามีตั๋วมา หมายถึงต้องทำตามนี้ แต่ว่าคำรับรอง คำแนะนำ ของผู้บังคับบัญชา จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ เพียงแต่อาจจะทำให้ได้รู้ข้อมูลเพิ่มขึ้น

ชมคลิปรายการ “ตั๋วผู้กำกับ” สะเทือน “เศรษฐา” ?

ถาม : ท่านบอกว่าไม่ใช่ตั๋ว เป็นหนังสือแนะนำ ให้ผู้บังคับบัญชาได้ดูโปรไฟล์ มันไม่มีวิธีอื่นหรือที่จะทำให้ชัดเจนกว่านี้ ที่คนได้ไม่ต้องครหาว่ามีตั๋ว หรือใบแนะนำ

ตอบ : ผมอยากเรียนตรงไปตรงมานะครับ ผมไม่อยากใช้คำว่า มันเหมือนวัฒนธรรมขององค์กรไปแล้ว เรื่องการฝากฝัง เรื่องการแนะนำ ในความรู้สึกผม เป็นความคุ้นชินทั่วไป ซึ่งหนัก ๆ เข้ามันไม่ใช่แค่ผู้บังคับบัญชา เป็นบุคคลนอกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม

ในสมัยผมเป็น รอง ผบ.ตร.ก็มีเรื่องโด่งดัง มีจดหมายแนะนำมาจากผู้บริหารระดับสูงนอกหน่วย และมีการเอาไปเปิดเผย พาดพิงถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ทุกคนก็รับรู้ ก็เห็น ก็เป็นเรื่องเสียหาย ทุกคนเข้าใจได้ว่ามันไม่สมควร มันไม่น่าจะมี แต่ต้องเรียนเป็นภาพรวมของสังคมไทย เราคงปฏิเสธไม่ได้ ความสัมพันธ์ของผู้คน ของผู้บริหารระดับสูง

ถาม : ตั๋วนอกหน่วย ตั๋ว สร.1 มันมีจริงไหมครับ

ตอบ : ผมก็ต้องพูดตรงไปตรงมานะครับ จะไปบอกว่าไม่จริงผมคงพูดไม่ได้ มันก็เป็นข้อมูลที่รับรู้กันมาทั่วนะครับ ผมไม่เคยเห็นนะครับ แต่มีการกล่าวอ้าง สร.1 ซึ่งก็คือนายกฯ ซึ่ง นายกฯ ก็เป็นประธาน ก.ตร.มาตลอด กฎหมายฉบับนี้ก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งถ้าจะไม่ให้มีการแทรกแซงจะทำยังไง ก็ต้องไม่ให้นายกฯ เป็นประธาน ก.ตร.

มีปรมาจารย์ทางกฎหมายปกครอง ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ ท่านเคยไปบรรยาย เรื่องการพัฒนากฎหมายตำรวจ ท่านบอกเลยว่า ถ้าประธาน ก.ตร. เป็นนายกรัฐมนตรี จะปฏิเสธเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงการบริหารงานตำรวจคงตอบได้ยาก เพราะนายกฯ ท่านเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง มาจากนักการเมือง ท่านมี สส.เป็นความเชื่อมโยง ซึ่งเป็นเหตุเป็นผล

การที่มีนายกฯ เป็นประธาน ก.ตร. เป็นมิติที่พูดได้ มีการโต้เถียงกันมาโดยตลอด เป็นการยึดโยงประชาชน รับฟังความเห็นเพื่อมาบริหารจัดการ อีกมิติหนึ่งที่เป็นข้อเสีย คือเป็นประเด็นปัจจุบัน อาจจะทำให้เขาเข้ามาแทรกแซงได้ เราก็ต้องยอมรับ เราปฏิเสธเรื่องพวกนี้ไม่ได้

สส.ในพื้นที่ คลุกคลีตีโมงอยู่กับตำรวจ แต่ละยุคแต่ละสมัย อำนาจอยู่ฝ่ายใคร คงเคยได้ยินนะครับ บ้านใหญ่แต่ละจังหวัด บางจังหวัด ผมไม่เคยชื่อนะครับ ผบ.ตร.หรือใครไม่เคยตั้งผู้การจังหวัดนั้นได้หรอก หลายๆ จังหวัดนะครับ ที่มี สส.จำนวนมาก

มันเป็นความชัดเจนที่พูดและเข้าใจได้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วในช่วงที่เป็นข่าว ในประเด็นต่าง ๆ ที่หยิบยกมาอธิบายกัน ต้องรอดูว่าทิศทางของการดำเนินการ มันจะมีผลอย่างไร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"แพทองธาร" เลี่ยงตอบ​ปม "ตั๋วเพื่อไทย" อ้างนายกฯตอบแล้ว

"ศรีสุวรรณ" จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรมนายกฯ ปมตั๋วผู้กํากับ

"เศรษฐา" แก้เกี้ยว #ตั๋วเพื่อไทย ยันไร้อำนาจโยกย้าย ตร.