เลือดสีฟ้ายังไม่หยุดหลั่ง นับแต่ "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย ศรีอ่อน ก้าวมาคุมบังเหียนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ไม่ใช่แค่อดีตหัวหน้าพรรค "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในฐานะอดีตนายกฯ ที่ประกาศลาออก แต่อดีต สส.เก่าและสมาชิกพรรคจำนวนมากที่เริ่มต้นอนาคตทางการเมืองกับค่ายประชาธิปัตย์ไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี ต่างทยอยโบกมือลาอย่างต่อเนื่อง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
อดีต สส.เก่าหลายคน สาธิต ปิตุเตชะ, สาธิต วงศ์หนองเตย, อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์, ทพ.สุรันต์ จันทร์พิทักษ์, วิบูลย์ ศรีโสภณ, ธนวัช ภูเก้าล้วน, พนิช วิกิตเศรษฐ์ รวมทั้งคนอื่นๆ ที่กำลังทยอยตามมา โดยคาดกันว่าจำนวนผู้ลาออกทั้งอดีต สส.และสมาชิกพรรคอาจ จะสูงถึง 50 คน
หากก่อนหน้านี้ "เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย" ไม่เคยประกาศก่อนการเลือกตั้งว่า "...ไม่บอกว่าจะได้กี่เขต แต่วันที่พรรคมีวิกฤต ผมประกาศไว้ชัดเจนแล้ว รอบนี้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่ำกว่า 52 ที่ ผมเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต เลิกเล่นนะ ไม่ใช่หยุดเล่น เลิกคือหันหลังเดินออกไปเลย"
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9
และหากก่อนหน้านี้ "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย ไม่ให้การสนับสนุน กลุ่มการเมืองหรือมุ้งการเมืองในพรรค ไม่จัดการปัญหาที่แฟนพันธุ์แท้ของค่ายสีฟ้าและสังคมคาใจ กรณี "เดชอิศม์ ทองขาว" สส.นครศรีธรรมราช ในพรรคฯ บินไปพบ "ทักษิณ ชินวัตร" ที่ฮ่องกง เมื่อเดือน ก.ค.2566 โดยมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า ปชป.จะขอเข้าร่วมรัฐบาล จนมีข้อครหาว่า พร้อมเป็น "พรรคอะไหล่" รอจ้องเสียบในวันโหวต "เศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกรัฐมนตรี ...
พรรคประชาธิปัตย์ คงไม่ต้องมาถึงวันที่สมาชิกต้อง วาจาสุภาษิต "สจฺจํ เว อมตา วาจา คำสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย" เป็นมอตโต้ที่สมาชิกและอดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ต่างทวงถามความรับผิดชอบจาก "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัยที่เคยพูดไว้ และเมื่อมีการกระทำที่เรียกว่า "ตระบัดสัตย์" จึงมีการใช้พื้นที่ดังกล่าวประกาศลาออกจากพรรคฯ
อัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และ อดีต สส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ หลายสมัย ซึ่งอยู่ ปชป.มานานถึง 31 ปี ไม่ใช่คนล่าสุดที่ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
…การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ที่จะเป็นผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ ... กลับเป็นผู้ "เสียสัตย์" ในสัจจะวาจาว่าจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต เมื่อผู้นำพรรคยุคนี้ไม่อาจดำรงคติพจน์แห่งพรรค อุดมการณ์ของพรรค ไม่อาจรักษาสัจจะวาจาแห่งตนได้ ดิฉันจึงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นับแต่บัดนี้...
ล่าสุด "วิทเยนทร์ มุตตามระ" อดีตผู้สมัคร สส.กทม. และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอีกคนหนึ่งที่โพสเฟซบุ๊ก ว่าจะส่งหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประธิปัตย์กับนายทะเบียนพรรคฯ วันนี้ (12 ธ.ค)
วันเดียวกัน เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เขียนเฟซบุ๊คแจกแจงถึง 7 ประเด็นที่ไม่เห็นด้วยกับการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ของ "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย โดยออกตัวว่า ส่วนตัวไม่มีอะไรขัดแย้งกัน รักใคร่ชอบพอกัน เพราะเป็นคนร่วมสมัย เข้าพรรครุ่นเดียวกัน ชอบเฉลิมชัย ที่เป็นคนจิตใจนักเลง มีน้ำใจกับเพื่อนฝูง แต่นั่นเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว
แต่ในฐานะศิษย์เก่าคนหนึ่งของพรรค เทพไท ระบุว่า เฉลิมชัย ไม่มีความเหมาะสม กับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลที่ว่า
- บุคลิกไม่ใช่ผู้นำทางการเมือง หรือหัวหน้าพรรค แต่มีความเหมาะสมในการเป็นเลขาธิการพรรคมากกว่า เพราะเป็นคนมีบุคลิกใจถึงพึ่งได้ เหมาะกับการทำหน้าที่เป็นแม่บ้านให้กับพรรคการเมือง
- ไม่มีลักษณะโดดเด่นทางการเมือง พูดจาประเด็นการเมืองไม่แหลมคม ไม่สามารถตอบโต้หรือดีเบตทางการเมือง กับผู้นำพรรคการเมืองอื่นๆได้
- เคยล้มเหลวในตำแหน่งเลขาธิการพรรคมาแล้ว ในยุคที่ "อภิสิทธิ์" เป็นหัวหน้าพรรค แต่ทำหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จ ถูกกดดันจากสมาชิกพรรคจนต้องลาออกจากเลขาธิการพรรคไป และได้เปลี่ยนแปลงมาเป็น นายจุติ ไกรฤกษ์ แทน
- ในการเลือกตั้ง สส.ปี 2562 สอบตก แพ้ "พรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์" พรรคเพื่อไทย ถือว่าสร้างความเสียหายทางการเมืองมากที่สุด เพราะคนระดับเลขาธิการพรรคฯ สอบตก
- การเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ประกาศว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ สส.น้อยกว่าเดิม 52 คน จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต เมื่อผลการเลือกตั้งได้ สส.เพียง 25 คน แต่กลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งที่มีสโลแกนประจำตัวว่า "คำไหน คำนั้น"
- ไม่รักษาสัจจะ ตระบัดสัตย์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคำขวัญประจำพรรคว่า สจฺจํ เว อมต วาจา ซึ่งหัวหน้าพรรคทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น "อภิสิทธิ์”" เคยแสดงความรับผิดชอบคำพูดให้เห็นมาก่อนแล้ว
- การไม่รักษาคำพูด เป็นเรื่องสำคัญทางการเมือง การตระบัดสัตย์ จะเป็นบาดแผลใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อหัวหน้าพรรค เป็นคนไม่มีความน่าเชื่อถือทางด้านคำพูดก็จะทำให้พรรคขาดความเชื่อถือไปด้วย เหมือนกับพุทธสุภาษิต ที่กล่าวไว้ว่า "คนโกหก ไม่ทำชั่ว ไม่มี"
...วันนี้เป็นวันฟ้าหม่น เราต้องถอยห่างออกมาก่อน รอวันฟ้าใส เราค่อยกลับไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง … ข้อความให้กำลังใจของเทพไทต่อผู้ที่ลาออก
ไม่ใช่แค่อดีต สส.เก่าที่เดินจากไป แต่บรรดา FC ของค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ต่างก็เขียน comment แสดงความรู้สึกหลังจากทราบเหตุการณ์ดังกล่าว เช่น
"นักการเมืองต้องมีสัจจะ หากไร้ซึ่งสัจจะ ไม่ควรได้รับการยกย่องนับถือ"
"ผมเลือก ปชป.ทุกครั้ง ตั้งแต่มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อปี 2526 ไม่เคยเปลี่ยนใจ แต่จากนี้ไปขอเว้นวรรค จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าและเลขาฯ พรรค"
"ปชป.ยังเลือดไหลไม่หยุด บุคคลากรอันทรงคุณค่าลาออกไม่หยุด ยากที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ส่วนนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เคารพในการตัดสินใจของสมาชิกและอดีต สส.พรรค ที่ลาออก เพราะอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในวันข้างหน้า
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
...โจทย์ใหญ่สำคัญ คือ พรรคประชาธิปัตย์ต้องอยู่ต่อไป ทุกคนในพรรคก็ต้องช่วยกันด้วยความมีเอกภาพ ส่วนผู้บริหารมีความท้าทายที่สำคัญคือการทำงานอย่างหนัก เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หากทำไม่ได้สมาชิกพรรคไม่ยอมรับ หรือไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องสิ้นสุด และ นายเฉลิมชัยก็พร้อมพิสูจน์ด้วยการทำงาน
วางมีดชำแหละอนาคตปชป.ในกำมือ "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย เสร็จสิ้น "เทพไท" ไม่รอช้า ปล่อยเพลงนายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์ ออกมา เป็นซิงเกิลที่ 2 ส่งให้ "ณกรณ์ ชูรักษ์" ร้องเป็นทำนองเพลงแหล่ภาคกลาง โดยเนื้อเพลงจะกล่าวถึงคุณลักษณะของนายกรัฐมนตรี 4 คน คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, นายชวน หลีกภัย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และ องคมนตรี
"กราบนายก ทั้ง4 ดีที่สุด
ไม่มีเรื่อง ทุจริต ให้คุยเขื่อง
มือสะอาด ทั้งฉลาด ทั้งปราชญ์เปรื่อง
บริหารชาติ บ้านเมือง รุ่งเรืองไกล"
หลังจากก่อนหน้านี้เคยฝากฝีมือแต่งเพลงแรก คือ "สดุดีลุงตู่" โดยให้นักร้องคู่บุญคนเดิมร้องมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อไปค่ายเพลงคงหนาว ... เจอ "เทพไท" นักแต่งเพลงปากกาทองคนนี้เข้าไป