เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ในระบบ ว่า ได้ให้ทุกส่วนข้าราชการและรัฐวิสาหกิจออกระเบียบหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้หรือค่าใช้จ่ายอื่นใด ให้มีเงินคงเหลือไม่น้อยกว่า 30% ของเงินเดือน
ขณะที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ได้ประชุมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์และได้ข้อสรุปว่า จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ โดยจะเริ่มที่สหกรณ์ออมทรัพย์ กำหนดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 4.75% กำหนดจำนวนงวดรายเดือนได้ถึงอายุ 75 ปี จากเดิมอายุ 60 ปี
พร้อมจัดหาเงินกู้พิเศษ โดยได้ประสานธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ซึ่งอาจจะใช้กรอบเพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 4.75% เช่นเดียวกัน และขยายจำนวนงวดรายเดือนเช่นเดียวกับสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งจะมีข้าราชการผู้ได้รับประโยชน์ทั้งหมด 3,100,000 คน ในจำนวนนี้เป็นข้าราชการครูมากที่สุดราว 900,000 คน
นอกจากนี้ ยังให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ประสานสหกรณ์ออมทรัพย์ กำหนดเพดานดอกเบี้ยและทุนเรือนหุ้นให้เหมาะสม เพื่อนำไปใช้กำหนดศักยภาพในการชำระหนี้และกรอบวงเงินเพิ่มเติม เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาให้ข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครู คาดว่าจะมาตรการนี้จะเริ่มได้เร็วสุดเดือน ม.ค.2567
อ่านข่าวอื่นๆ
ครม.เคาะงบ 4,900 ล้านบาทหนุน 3 มาตรการแก้หนี้ทั้งระบบ
เช็ก 10 มาตรการแก้หนี้ในระบบ ช่วยใครบ้าง-ช่วยอย่างไร
ขาช็อปฟัง! Easy e-Receipt ลดภาษี 5 หมื่นเริ่ม 1 ม.ค.-15 ก.พ.67