อาลัย "ร.ต.ท.อิสราวุฒิ" ถูกชายคลุ้มคลั่งใช้มีดทำร้ายเสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุ

วันที่ 25 ธ.ค.2566 ตำรวจภูธรภาค 4 โพสต์เฟซบุ๊กอาลัยผู้กล้า ร.ต.ท.อิสราวุฒิ โกพลรัตน์ รอง สวป.สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ในการระงับเหตุผู้เสพยาเสพติดคลุ้มคลั่ง เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.2566)

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบสภาพศพ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ หลังถูกนายอานุเดช ผู้ป่วยจิตเวชใช้อาวุธมีดทำร้ายจนเสียชีวิต ขณะเข้าระงับเหตุผู้ป่วยที่มีอาการประสาทหลอนและคลุ้มคลั่งภายในบ้านพักหมู่บ้านโชคอำนวย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนายอานุเดชไว้ได้

พ.ต.อ.ถวิล คำเกษตร ผกก.สภ.ธาตุพนม เปิดเผยว่า หลังก่อเหตุนายอานุเดช ได้แย่งอาวุธจากผู้เสียชีวิตและหลบหนีไปด้วยรถจักรยานของชาวบ้านที่อยู่ริมถนน แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้แล้ว และควบคุมตัวไปที่ สภ.ธาตุพนม

ผู้ป่วยคนนี้อาละวาดเป็นประจำ ตำรวจตู้ยามมาระงับเหตุประจำ คาดว่าวันนี้ผู้ก่อเหตุรออยู่แล้ว อาจถามอะไรกันบางอย่าง ก่อนทำร้ายและแย้งอาวุธตำรวจหลบหนี

ขณะที่นายศุภชัย พ่วงศิริ ผู้ใหญ่บ้านโชคอำนวย หมู่ 9 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า ผู้ก่อเหตุเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาดทำลายข้าวของ จึงไปแจ้งที่ตู้ยามตำรวจประจำตำบลอุ่มเหม้า ซึ่งพบกับ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ ประจำอยู่ที่ตู้ยาม และอาสาไปที่บ้านผู้ก่อเหตุทันที โดยยังไม่ได้ขอกำลังสนับสนุน แต่เมื่อไปถึงก็ถูกนายอานุเดชปรี่เข้าใช้มีดทำร้ายจนเสียชีวิต

สอบถามญาติผู้ก่อเหตุพบว่า นายเดชอยู่บ้านคนเดียว มีประวัติเสพยาเสพติดจนป่วยจิตเวช และเกิดอาการประสาทหลอนและคลุ้มคลั่งเป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านอยากให้เร่งแก้ปัญหาผู้ป่วยจิตเวชที่มีประวัติติดสารเสพติด พราะกังวลว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ส่วนนายตำรวจที่เสียชีวิตเบื้องต้นจะมีการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเป็นการเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่

"ชาดา" เสียใจเหตุตำรวจถูกผู้ป่วยจิตเวชทำร้ายเสียชีวิต

ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่า ภาครัฐไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำสอง และหวังจะใช้กลไกชุมชนยั่งยืนที่กำลังผลักดัน เอกซเรย์พื้นที่ ในทุกหมู่บ้าน ลงลึกไปถึงระดับครัวเรือน ถึงสภาพแวดล้อม และความเสี่ยงมูลฐาน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งจะต้องมีมาตรการเข้มงวด เรื่องของการดูแล การรักษาอาการ และมาตรการป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่เกิดจากการใช้สารเสพติด เพราะในผู้ป่วยจิตเวช ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ยาเสพติดที่มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้เป็นโรคจิตเวชได้

กระบวนการของภาครัฐ จำเป็นที่จะต้องแยกน้ำ แยกปลา แยกผู้ป่วยออกจากผู้เสพ แล้วเข้าสู่กระบวนการรักษา บำบัด ฟื้นฟู โดยเร่งด่วน ไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้

นายชาดา ระบุว่า ตนเองได้กำชับไปยังระดับพื้นที่ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ก่อเหตุ รวมทั้งดำเนินการเยียวยาตามกฎหมาย ซึ่งในระยะยาวต้องทบทวนตัวกฎหมายที่จะต้องพิจารณาดำเนินการกับครอบครัวที่มีผู้ป่วยจิตเวชอยู่ภายในบ้าน แต่ปล่อยปละให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น