กรณีรางนำไฟฟ้า (Conductor rail) ที่เป็นรางจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู หลุดร่วงจากทางวิ่งลงชั้นพื้นถนน เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (25 ธ.ค.2566) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า รางดังกล่าวยืนยันว่าไม่ใช่รางรถไฟฟ้า แต่เป็นรางจ่ายกระแสไฟฟ้า เบื้องต้นจากการสันนิษฐานคาดว่า เป็นผลจากการดึงเข็มพืดเหล็ก (sheet pile) ของโครงการระบบสาธารณูปโภคบริเวณด้านล่างของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ออกตามขั้นตอนก่อสร้างเมื่องานแล้วเสร็จ ซึ่งอาจทำให้ระดับของรางนำไฟฟ้าไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
เมื่อมีตัวรับกระแสไฟฟ้าที่ติดกับตัวรถตรวจความพร้อมของเส้นทาง ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ไปกระแทก ส่งผลให้เกิดการขยับตัวของรางนำไฟฟ้าออกจากจุดยึด แล้วร่วงลงมาด้านล่างบนถนนบางส่วน และมีบางส่วนติดค้างอยู่บนโครงสร้าง ระหว่างสถานีแคราย ถึงสถานี ระยะทางรวมประมาณ 4.3 กิโลเมตร เบื้องต้นได้สั่งให้หยุดการให้บริการใน 7 สถานี หรือตั้งแต่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ถึง สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
รมช.คมนาคม ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย และส่วนหนึ่งเกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้รับเหมา ซึ่งประเด็นนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นบริษัทผู้รับเหมาที่อยู่ระหว่างรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคเพื่อคืนพื้นผิวจราจร หรือเป็นผู้รับเหมาที่ทางบริษัทฯ จ้างมา ส่วนอนาคตจะมีการติดแบล็กลิสต์ผู้รับเหมาโครงการในอนาคตหรือไม่นั้น ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และจะหารือร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (เอ็นบีเอ็ม) จะหารือร่วมกันถึงแนวทางการชดเชยผลกระทบกับประชาชน เบื้องต้นอาจพิจารณายืดเวลาการให้บริการสายสีชมพูฟรีต่อไปก่อน หลังจากที่เดิมมีกำหนดเตรียมเปิดให้บริการแบบเชิงพาณิชย์ ในวันที่ 3 ม.ค.2567
สำหรับแนวทางการป้องกัน ได้สั่งการให้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และจะกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การเข้าพื้นที่เพื่อปฏิบัติงาน ผู้คุมงานต้องแจ้งล่วงหน้าทุกครั้ง, กลุ่มบริษัทผู้รับเหมา กรณีที่จะเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้าง จะต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของหน่วยงานคมนาคม และการส่งมอบงานและพื้นที่ต้องตรวจสอบและเซ็นรับทราบทุกครั้ง หากทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ไม่ครบก็ห้ามดำเนินการในพื้นที่ก่อสร้างเด็ดขาด
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่บริษัทได้ติดต่อประสานงานไปยังต่างประเทศเพื่อจัดหาอะไหล่มาติดตั้งซ่อมแซม เนื่องจากอะไหล่สำรองในปัจจุบันมีเพียง 100 ชิ้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมในช่วงบริเวณที่เกิดเหตุ คาดว่าจะใช้อะไหล่ประมาณ 1,700 ชิ้นส่วน หากได้ชิ้นส่วนอะไหล่ครบแล้วก็จะใช้เวลาไม่นานในการติดตั้งซ่อมแซม นอกจากนี้บริษัทพยายามเร่งรัดหาผู้รับเหมาติดตั้งให้แล้วเสร็จ
นายสุรพงษ์ ยืนยันว่า การออกแบบรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีการออกแบบทดสอบระบบที่มีความเหมาะสมและปลอดภัย หากมีการเกาะยึดแน่นมากจะส่งผลกระทบต่อขบวนรถที่ให้บริการ ทั้งนี้เมื่อเกิดเหตุขัดข้องระบบไฟจะถูกตัดทันที
ส่วนการให้บริการปัจจุบันเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูตามปกติ โดยจะเปิดให้บริการเพียง 23 สถานี จากสถานีมีนบุรี-สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 ตั้งแต่เวลา 06.00-00.00 น.
และปิดให้บริการ จำนวน 7 สถานี ตั้งแต่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี-สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ผู้โดยสารที่ใช้บริการจะต้องเปลี่ยนขบวนรถที่สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ เนื่องจากเป็นจุดสับเปลี่ยนรางรถไฟฟ้าโมโนเรล ทำให้ขบวนรถวิ่ง 2 เส้นทาง คือ สถานีมีนบุรี-สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ และสถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ-สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28
สำหรับการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ หรือการเก็บเก็บค่าโดยสารในวันที่ 3 ม.ค.2567 หากทางบริษัทสามารถจัดหาอะไหล่มาดำเนินการซ่อมแซมได้ทัน จะยืดกำหนดการเปิดให้บริการตามเดิม แต่หากกรณีที่จัดหาอะไหล่ไม่ทัน อาจต้องหารือร่วมกับ รฟม.เพื่อขยายเปิดให้บริการฟรีแก่ประชาชนอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกิดเหตุรางจ่ายไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วงหล่น ย่านปากเกร็ด- "รถยนต์เสียหาย - เสาไฟโค่น"
รถไฟฟ้าสายสีชมพู แจงเหตุ "รางที่ใช้จ่ายไฟฟ้า" ร่วง - หยุดให้บริการ 7 สถานี