วันนี้ (26 ธ.ค.2566) ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จับกุม นางมทิรา อายุ 45 ปี อดีตข้าราชการชำนาญการ (ซี7) เรือนจำกลางนครสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 คดีโกงเงินผู้ต้องขังในเรือนจำ ทั้งเงินฝากและเงินสวัสดิการร้านค้ารวมกว่า 145 ครั้ง เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท โดยหลบหนีหมายจับมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2556 กระทั่งพบว่าไปทำงานอยู่บริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับประสานจากสำนักงาน ป.ป.ท.ว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 6 จึงให้ทีมสืบสวนติดตามจนพบว่า นางมทิรา หลบหนีซุกซ่อนอยู่ที่บริษัทลิสซิ่งแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกำแพงเพชรจริง จึงนำชุดจับกุมแสดงหมายจับและควบคุมตัว โดยผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจริงและไม่เคยถูกจับในคดีนี้
เบื้องต้น แจ้งกล่าวหา เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อหรือทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้น เป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ก่อนนำตัวส่งดำเนินการตามกฎหมาย ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 6 จ.พิษณุโลก
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวอีกว่า เรือนจำกลางนครสวรรค์มีผู้ต้องขังกว่า 3,000 คน ส่วนมากเป็นคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และโดยปกติผู้ต้องขังจะสามารถใช้เงินภายในเรือนจำได้วันละไม่เกิน 500 บาทเท่านั้น ซึ่งการรับฝากเงินและเก็บเงินสวัสดิการของผู้ต้องขัง ญาติของผู้ต้องขังอาจนำเงินฝากไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาได้ปลอมเอกสารใบเสร็จให้ทุกครั้ง ใบจริงให้กับญาติผู้ต้องขังเขียนตรงตามที่ฝาก แต่สำเนาทำปลอมขึ้นให้น้อยกว่าจำนวนจริง เพื่อยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตนเองและนำไปเล่นการพนันบอลออนไลน์
ผู้ต้องหารู้ว่าเจ้าหน้าที่ติดตามตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงได้หลบหนีมาตลอด และห้ามทางบ้านติดต่อไปหาหากมีเอกสารหมายเรียก เพื่อตัดช่องทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามได้ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ เชื่อว่ายังมีกรณีดังกล่าวในหน่วยงานราชการอีกหลายแห่ง แต่ยังตรวจสอบไม่พบ โดย บก.ปปป.จะสืบสวนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์สินเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการต่อไป
พร้อมเตือนบริษัทเอกชนให้ตรวจสอบประวัติผู้สมัครเข้าทำงาน เพราะมีบุคคลที่มีหมายจับเกี่ยวกับการทุจริตในภาครัฐอีกหลายคนยังคงลอยนวล และออกมาทำงานการเงินให้กับเอกชนทั่วไปได้ อาจก่อความเสียหายต่อบริษัทซ้ำอีก เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำบัญชีเพื่อปกปิดความผิดมาแล้ว
ทั้งนี้ หากพบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการเชิญชวนให้ประชาชนกระทำการในลักษณะนี้ หรือให้ฉ้อโกงเพื่อรับส่วนแบ่งอย่างผิดกฎหมาย ให้แจ้งมายังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โทร. 02-1919191, สายด่วน ป.ป.ช. 1205 (สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ), สายด่วน ป.ป.ท. 1206 (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) และสายด่วน ป.ป.ง. โทร. 02-2193600 (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)
อ่านข่าวอื่นๆ
มอบตัวแล้ว ผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่า "ทนายมานพ" อดีต สส.ไทยรักษาชาติ
พม.ตรวจสอบปม "เด็กเช็ดกระจกรถ" คุกคามผู้ขับขี่แยกอโศกมนตรี
ศาลจำคุกตลอดชีวิต "เสี่ยแป้ง นาโหนด" กับพวก คดีพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน