วันนี้ (4 ม.ค.2567) นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ชี้แจงงบประมาณของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุด ว่า มีความกังวลว่างบฯ ของกระทรวงมหาดไทยจะหนักอยู่ที่งบฯ ของการปฏิบัติการ นั่นหมายความว่าทำงานประจำมากกว่างานพัฒนา ในเวลาที่ประเทศต้องการการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพื่อชดเชยการสูญเสียจากสถานการณ์โควิด-19
แต่เมื่อมีการจัดสรรงบประมาณใหม่เป็นงบลงทุนกว่า 30% เชื่อว่ามาถูกทางแล้วในการจัดสัดส่วนของงบฯ เป็นสัญญาณดีที่จะพัฒนางานของกระทรวงมหาดไทยให้ทันโลก ทันสมัยและทันท่วงที ตามแนวทางที่ได้มอบไว้ให้กับข้าราชการของกระทรวงฯ
วงเงินงบประมาณกว่า 4.6 แสนล้านบาท ถูกกระจายไปหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทย ยังรวมถึงกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาด้วย วงเงินจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.5% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สอดคล้องกับงบประมาณภาพรวมของรัฐบาล
ไล่เรียงตามรายจ่ายของยุทธศาสตร์ พบว่า ด้านการสร้างโอกาสและการสร้างความเสมอภาคทางสังคมได้รับการจัดสรรงบฯ มากสุด 3.7 แสนล้านบาท หวังว่าจะลดความเหลื่อมล้ำในใจของประชาชนได้
นอกจากนี้ยังปรับสมดุลด้านการพัฒนา ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างความเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การจัดสรรงบฯ สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายของรัฐบาลและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติด้วย โดยเฉพาะลดความเหลื่อมล้ำขจัดความยากจน ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาภาวะโลกร้อน ถือเป็นการจัดสรรงบฯ เพื่อการพัฒนาที่ก้าวหน้า
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า โครงการสำคัญในปี 2567 ที่กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการ เช่น การสร้างศูนย์ราชการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่จะให้บริการกับประชาชนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว, โครงการ e-goverment, โครงการยืนยันตัวตนด้วยระบบดิจิทัล รวมถึงโครงการพัฒนาสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน สร้างความมั่นคงปลอดภัยในสังคม เช่น การแก้ไขปัญหายาเสพติด ส่งเสริมการบริการสาธารณสุขท้องถิ่น โครงการน้ำประปาเพื่อประชาชน และไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
นายอนุทิน ระบุอีกว่า นอกจากกระทรวงมหาดไทยและการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ แล้ว ตนยังต้องดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม องค์การมหาชน ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นการตอกย้ำนอกจากการจัดสรรงบฯ อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงานก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้บริการกับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานในกำกับดูแลของตนเองในฐานะรองนายกรัฐมนตรีได้ถือปฏิบัติ
รมว.มหาดไทย ย้ำกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า กระทรวงมหาดไทยจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น และนำข้อเสนอแนะกลับไปปรับปรุงในรายละเอียดเท่าที่จะทำได้ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"เศรษฐา" ชี้แจงสภาฯ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญแก้ PM 2.5
"ทวี" เปรียบ "ทักษิณ" เป็นนักสร้างสันติภาพ ย้ำเจ็บป่วยก็ต้องรักษา
“จุลพันธ์” ผิดหวัง “ศิริกัญญา” หยิบตัวเลข GDP บางส่วนมาอภิปรายงบฯ 67