โรงเรือนแห่งนี้ถูกผูกมัดด้วยสัญญา หลังชาวบ้านที่เข้าร่วมกลุ่มในระยะนำร่อง 16 กลุ่ม ที่ จ.ปัตตานี ทำไว้บริษัทเอกชน ซึ่งอยู่ในโครงการโคบาลชายแดนใต้ ที่ระบุว่า ชาวบ้านจะต้องกู้เงินผ่านกองทุนสงเคราะห์เกษตรกลุ่มละ 1,500,000 บาท
โดย 350,000 บาท คือ การก่อสร้างโรงเรือน และ 850,000 บาท ใช้จัดซื้อแม่พันธุ์วัว โดยทั้งสองส่วนงาน ทำสัญญากับห้างหุ้นส่วนจำกัดวิชัยฟาร์ม
ชาวบ้านบอกว่า รับวัวมาเลี้ยง ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.2566 ปีที่แล้ว โดยแม่พันธุ์วัวมีน้ำหนักน้อยกว่า 160 กิโลกรัม ซึ่งไม่ตรงตามสัญญา แม้จะพยายามขุนให้กินหญ้าสด 3 ครั้งต่อวัน ก็ยังมีขนาดเล็ก ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้บริษัทเข้ามาเยียวยา
โดยบริษัทจะชดเชยเงินค่าดูแลวัวให้ 50,000 บาท และจะเพิ่มวัวให้อีก 5 ตัวเพื่อยุติปัญหา แต่ชาวบ้านหลายคนก็ยังกังวล เพราะในอีก 3 ปีข้างหน้าก็ต้องจ่ายคืนหนี้ที่ยืมมา
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaTNWPMahexA3sCDiZ9C156NJSm.jpg)
ตอนนี้พวกเรากังวลว่า เมื่อถึงเวลาจ่ายหนี้ วัวขายไม่ได้ เพราะมันไม่สมบูรณ์ แล้วถ้าขายไม่ได้ พวกผมจะหาเงินจากไหนมาจ่ายหนี้เค้า
ว่าที่ ร.ท.รังสฤษดิ์ จันทร์งามวิจิตร สมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงโคบ้านโคกกอ อ.มายอ จ.ปัตตานี กล่าว
ปัญหาที่ต้องเลี้ยงวัวที่โตช้าและไม่สมบูรณ์ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มที่เกินระยะเวลาประกัน กับบริษัท ที่จะเปลี่ยนวัวให้ หากรับวัวไปแล้วไม่เกิน 1 เดือน ทำให้สมาชิกในกลุ่มเลี้ยงโคบ้านโคกกอ กำลังหารือว่า อาจต้องขายวัวบางส่วนออกไป เพื่อซื้อแม่พันธุ์ใหม่ที่แข็งแรงกว่า
แม้ราคาขายจะถูกกว่าครึ่งหนึ่งที่ซื้อมาในโครงการตัวละ 17,000 บาท แต่เงื่อนไขของโครงการโคบาลชายแดนใต้ ที่ต้องซื้อแม่พันธุ์วัวจากนอกพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น เพราะโครงการมีเจตนาเพิ่มปริมาณวัวในพื้นที่ ก็ทำให้ชาวบ้านไม่มีทางเลือกมากนัก
ถ้าจำเป็น เราก็ต้องขาย เพราะต้องเอาแม่พันธุ์อื่นที่สมบูรณ์กว่านี้ แม้ว่าถ้าขายแล้วจะได้ราคาตัวละไม่ถึง 10,000 บาท จากที่ซื้อมา 17,000 บาท ก็ต้องประชุมกลุ่มอีกที ว่าจะทำยังไง แต่ก็เพิ่งมาทราบว่า ถ้าซื้อก็ซื้อแม่พันธุ์วัวตัวใหม่ จากในพื้นที่ไม่ได้
นายอาริ มีสาและ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงโคบ้านโคกกอ อ.มายอ จ.ปัตตานี กล่าว
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaTNWPMahexA3sD0VUQrBhLxy1w.jpg)
แม้ขณะนี้ปศุสัตว์จังหวัด ตัวแทนบริษัทจะเจรจากับเกษตรกร 16 กลุ่ม ที่เข้าร่วมโครงการโคบาลชายแดนใต้ ในระยะนำร่องของ จ.ปัตตานี ซึ่งแต่ละกลุ่มเรียกร้องการเยียวยาแตกต่างกันไป
แต่เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดปัตตานี เห็นว่า ข้อตกลงในการเจรจา ควรทำเป็นลายลักษณ์ เพื่อเป็นหลักประกันให้ชาวบ้าน และตรวจสอบถึงช่องว่างอื่น ๆ
โดยเฉพาะบัตรประจำตัวสัตว์ที่พบว่า ทุกกลุ่มข้อมูลไม่ตรงกับวัวที่ได้รับ ขณะที่ผู้ประสานงานของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์ในโครงการนี้เช่นกัน เพราะในระยะที่ 2 จะมีการขยายกลุ่มเกษตรอีก 400 กลุ่ม ซึ่งจะมีวัวถูกส่งมาให้ชาวบ้านอีกกว่า 20,000 ตัวใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้านนายสัตวแพทย์ประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์จะตั้งคณะกรรมการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ที่ปรากฏข่าวว่า การจัดหาแม่โคใน “โครงการโคบาลชายแดนใต้” ไม่ตรงกับที่กำหนดในคุณลักษณะเฉพาะของแม่โคเนื้อในโครงการ โดยมีลักษณะซูบผอม เพื่อสืบหาทราบว่า การจัดหาพันธุ์สัตว์ในโครงการมีปัญหาอุปสรรคใด หรือมีข้อบกพร่องใด
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaTNWPMahexA3r5LsAGSoPE7xHF.jpg)
ซึ่งโครงการนี้ กรมปศุสัตว์ดำเนินการร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวงมหาดไทย ภายใต้โครงการเมืองปศุสัตว์ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจ ฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างรายได้ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร กรอบวงเงิน 1,566.20 ล้านบาท การดำเนินงานแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ปัจจุบันอยู่ในระยะนำร่อง เกษตรกร 60 กลุ่ม แม่โคพื้นเมือง 3,000 ตัว เงินกู้ยืม 93 ล้านบาท และเงินจ่ายขาด 1.20 ล้านบาท
โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในหมู่บ้าน จะได้รับการสนับสนุนเงินกู้ยืมจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตในระดับต้นน้ำ กลุ่มละ 1.55 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจกรรม 4 กิจกรรม ดังนี้
1.จัดทำแปลงพืชอาหารสัตว์ กลุ่มละไม่น้อยกว่า 20 ไร่ เงินกู้ยืม 100,000 บาท
2.ก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงโคเนื้อ (คอกกลาง) จำนวน 1 โรงเรือน เงินกู้ยืม 350,000 บาท
3.จัดหาแม่โคพื้นเมือง จำนวน 50 ตัว ตัวละไม่เกิน 17,000 บาท เงินกู้ยืม 850,000 บาท
4.การจ้างเจ้าหน้าที่ฟาร์ม จำนวนไม่เกิน 3 คน เงินกู้ยืม 250,000 บาท
ส่วนกรณีกลุ่มเกษตรกรจังหวัดปัตตานีบางกลุ่มร้องเรียนว่า “แม่โคพื้นเมืองที่ส่งมอบให้กลุ่มมีลักษณะซูบผอม น้ำหนักไม่ตรงกับที่กำหนดในคุณลักษณะเฉพาะของแม่โคเนื้อในโครงการ” กรมปศุสัตว์ ชี้แจงว่า การจัดหาพันธุ์สัตว์ในโครงการที่ใช้เงินนอกงบประมาณ กล่าวคือ เป็นเงินกู้ของเกษตรกรจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaTNWPMahexA3sFDsooqnuZvFCY.jpg)
โดยให้กลุ่มเกษตรกรเป็นผู้จัดหาพันธุ์สัตว์เองตามคุณลักษณะเฉพาะ ที่กรมปศุสัตว์กำหนด โดยกำหนดสายพันธุ์ อายุ น้ำหนักตัว สุขภาพสัตว์ การได้รับวัคซีน และการตรวจโรคที่สำคัญ พร้อมเงื่อนไขการรับประกันหากไม่ถูกต้องตามที่กำหนดผู้ขายจะต้องเปลี่ยนตัวสัตว์ใหม่ให้แก่เกษตรกร
ส่วนข้อร้องเรียน กรมปศุสัตว์ได้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ตรวจสอบสาเหตุเบื้องต้นพบว่า ช่วงระยะเวลาที่ได้ทยอยส่งมอบ และตรวจรับแม่โค ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2566 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ.2567 เป็นช่วงเวลาที่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสบสภาวะฝนตกอย่างต่อเนื่องและมีน้ำท่วมขังซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์บางส่วนของโครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยแม่โคมีความเครียด ได้รับอาหารไม่เพียงพอ และบางตัวป่วย
อย่างไรก็ตาม จะตั้งคณะกรรมการไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยร่วมกับ ศอ.บต. และกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่า มีปัญหาอุปสรรคอื่นใดอีกหรือไม่ หากกรณีที่เกิดขึ้น มาจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด อีกทั้งจะร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดตั้งคณะกรรมการตรวจติดตามและประเมินผลโครงการเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร
เรียบเรียง : ติชิลา พุทธสาระพันธ์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคใต้