ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"วิกฤตทะเลแดง" สมรภูมิรบใหม่ตะวันออกกลาง สะเทือนการค้าไทย

เศรษฐกิจ
26 ม.ค. 67
11:46
10,019
Logo Thai PBS
"วิกฤตทะเลแดง" สมรภูมิรบใหม่ตะวันออกกลาง สะเทือนการค้าไทย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
66 วัน วิกฤตทะเลแดงขยายวงรุนแรง สนค.หวั่นกระทบเศรษฐกิจ-การค้าไทย หลังกองทัพสหรัฐฯพันธมิตร จัดตั้งกองกำลังตอบโต้ ชี้ช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด ส่งผลน้ำมันดิบขาดแคลน ราคาพุ่งสูง กระทบภาวะเงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ

วันนี้ (26 ม.ค.2567) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่กลุ่มฮูตีในเยเมนโจมตีและยึดเรือสินค้า ที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล ซึ่งแล่นผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบ (Bab-el-Mandeb) ในทะเลแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2566 เพื่อแสดงการต่อต้านอิสราเอลที่ทำสงครามในฉนวนกาซา

ทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรประกาศจัดตั้งกองกำลัง Operation Prosperity Guardian เพื่อปกป้องการเดินเรือบริเวณทะเลแดง แต่กลุ่มฮูตีก็ยังคงยืนกรานว่าจะโจมตีเป้าหมายต่อไป จนกว่าสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาจะยุติลง

ซึ่งเหตุการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นบริเวณทะเลแดง เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญของโลก ขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือขนส่ง และหากเหตุการณ์ยังคงยืดเยื้อ ก็อาจกระทบกับห่วงโซ่อุปทานสินค้าต่าง ๆ รวมถึงน้ำมันดิบทั่วโลก

"วิกฤตทะเลแดง"กระทบส่งออกสินค้าไทย

ทั้งนี้ทะเลแดงซึ่งเชื่อมต่อกับคลองสุเอซ เป็นเส้นทางการค้าหลักระหว่างเอเชียกับยุโรป และยังครอบคลุมเส้นทางการค้าทางทะเลประมาณ 12 % ของโลก โดยหลังเกิดเหตุโจมตีเรือขนส่งสินค้า

ทำให้บริษัทเดินเรือขนส่งสินค้าทั่วโลก ระงับการเดินเรือในเส้นทางทะเลแดง และเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น ที่ใช้ระยะเวลาขนส่งยาวนานขึ้น ผลักดันให้ค่าระวางเรือปรับเพิ่มขึ้นในหลายเส้นทาง ไม่เพียงแต่เฉพาะค่าระวางเรือที่ผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซเท่านั้น

ผลกระทบทำให้สินค้าไทยที่จะไปยังตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกาเหนือ รวมถึงสหรัฐฯ ฝั่งตะวันออกบางส่วน ต้องมีต้นทุนสูงขึ้น 

ข้อมูลอัตราค่าระวางเรือ สัปดาห์ที่ 2 ของปี 2567 จากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยพบว่า ค่าระวางเรือในเดือน ม.ค.2567 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.2566 ทั้งในเส้นทางไทย-Jebel Ali (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เส้นทางไทย-ยุโรป (Main Port)

เส้นทางไทย-สหรัฐฯ ฝั่งตะวันตก และเส้นทางไทย-สหรัฐฯ ฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะเส้นทางไทย-ยุโรป ที่ค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นถึง 252 % สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุต และ 196 % สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ 40 ฟุต มาอยู่ที่ 3,200-4,500 เหรียญสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ผู้ส่งออกสินค้ายังเผชิญกับค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มอื่น ๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมการหยุดชะงักของระบบขนส่ง ค่าบริการเพิ่มเติมในช่วงหนาแน่น และค่าธรรมเนียมฉุกเฉิน เป็นต้น

ผอ.สนค.กล่าวอีกว่า หากพิจารณาด้านผลกระทบ ต่อการส่งออกสินค้าไทยตามเส้นทางไปยุโรป คือ ไทยใช้เส้นทางผ่านทะเลแดง และคลองสุเอซเกือบทั้งหมด ในการส่งออกไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร สัดส่วนกว่า 8 %

โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการขนส่ง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ ไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี

ส่วนการส่งออกสินค้าไทย ไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น จอร์แดนและอิสราเอล ผ่านเส้นทางทะเลแดงและคลองสุเอซ คิดเป็นสัดส่วนรวมกันประมาณ 10 % โดยสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

ส่วนประเทศอื่นที่เหลือ 90 % จะขนส่งผ่านทางท่าเรือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อกระจายสินค้าต่อไปยังประเทศในตะวัน ออกกลางอื่น ๆ ดังนั้น ภาพรวมการส่งออกไปตะวันออกกลาง น่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก

นายพูนพงษ์กล่าวว่า สำหรับการส่งออกสินค้าไปแอฟริกาตอนเหนือ เส้นทางทะเลแดง-คลองสุเอซ เป็นช่องทางการส่งออกหลักไปอียิปต์ ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย ในภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนือ มีสัดส่วน 0.2 % โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ คือ เคมีภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ชิ้นส่วนยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เหล็ก

ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ การหยุดชะงักของการขนส่งสินค้าผ่านทะเลแดงยังส่งผลกระทบทางอ้อม ต่อการค้าของเอเชียและสหรัฐฯ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา เรือขนส่งบางลำได้เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ อ้อมจากคลองปานามา มายังคลองสุเอซ เพื่อหลีกเลี่ยงระดับน้ำที่ต่ำ ของคลองปานามา

ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการเดินเรือ และเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ในทะเลแดงอาจต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินเรืออีกครั้งไปเป็นการเดินเรือผ่านแหลมกู๊ดโฮป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: คนแรกของโลก! สหรัฐฯ ประหารชีวิตนักโทษด้วย "แก๊สไนโตรเจน"

สงครามตะวันออกกลางขยายวงทำ"พลังงานขาดแคลน"

ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่เริ่มมาจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสในฉนวนกาซา ถึงวิกฤตการณ์ในทะเลแดง เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สงครามมีโอกาสขยายวง ไปยังพื้นที่อื่น ๆ หรืออาจเกิดเหตุการณ์ที่มีประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมสงครามโดยตรง

แม้สถานการณ์ปัจจุบันพื้นที่สงครามหลัก ยังไม่ขยายวงออกนอกพื้นที่ฉนวนกาซา แต่ก็มีการปะทะกันเป็นระยะ ๆ ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ บริเวณพรมแดนอิสราเอล-เลบานอน และซีเรีย

หลายฝ่ายกังวลว่า อาจลุกลามสู่ระดับภูมิภาค จนเกิดการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่มีการขนส่งน้ำมันวันละ 21 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็น 21 % ของปริมาณการขนส่งน้ำมันทั่วโลกในแต่ละวัน

อีกทั้งยังเป็นช่องทางเดินเรือส่งออกสินค้าสำคัญ ของประเทศที่ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเกือบทั้งหมดในตะวันออกกลาง

ธนาคารโลก (World Bank) เคยประเมินไว้ว่า หากสงครามอิสราเอลกับฮามาสลุกลาม นำไปสู่ความขัดแย้งขนาดใหญ่ของชาติในตะวันออกกลาง เทียบเท่ากับเมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์คว่ำบาตรน้ำมันของชาติอาหรับในโลกตะวันตก เมื่อปี ค.ศ.1973 หรือสงครามยมคิปปูร์ (Yom Kippur) จะทำให้ อุปทานน้ำมันทั่วโลก ลดลง 6-8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกอยู่ในช่วง 140-157 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงเป็นประวัติการณ์

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซ ส่งผลกระทบต่อไทยอย่างมาก เนื่องจากไทยพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง เมื่อปี 2566 ไทยนำเข้าพลังงาน ทั้งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันสำเร็จรูปจากกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง สัดส่วนประมาณ 50 % ของการนำเข้าสินค้ากลุ่มดังกล่าวทั้งหมด

โดยนำเข้าจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ เป็นหลัก ดังนั้น หากช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด อุปทานน้ำมันดิบกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศจะประสบปัญหาการขนส่ง เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันพุ่งสูง กระทบการผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่ง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อและปัญหาค่าครองชีพ

ขณะที่ด้านการส่งออก ช่องแคบฮอร์มุซก็เป็นช่องทางสำคัญในการกระจายสินค้าไทยเข้าสู่ประเทศต่าง ๆ ในตะวันออกกลางเช่นกัน โดยส่วนใหญ่สินค้าไทยจะขนส่งผ่านทางช่องแคบฮอร์มุซเพื่อเข้าสู่ท่าเรือในเมือง Jebel Ali ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: คลิปเสียงหลุด "เนทันยาฮู" โทษ "กาตาร์" ตัวปัญหา

ผอ.สนค.กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์สู้รบ ในพื้นที่ตะวันออกกลาง พบมีแนวโน้มยืดเยื้อ และการสู้รบมีโอกาสขยายวงออกนอกพื้นที่ฉนวนกาซา หลังกลุ่มติดอาวุธในภูมิภาคเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น

แม้ที่ผ่านมาจะมีการเจรจาพักรบชั่วคราว และแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แต่ตราบใดที่อิสราเอลยังไม่ยุติปฏิบัติการในฉนวนกาซา สงครามพร้อมที่จะปะทุขึ้นในพื้นที่อื่น ๆ ดังเช่น วิกฤตที่เกิดขึ้นในทะเลแดงซึ่งกระทบการขนส่งสินค้าทั่วโลก

ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหากสงครามลุกลาม จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นวงกว้าง

สนค.จะร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางการดูแลแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : รัสเซียชี้ "ยูเครน" ยิงเครื่องบินขนเชลยตก จงใจละเลยสวัสดิภาพคนบนเครื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง