วันนี้ (7 ก.พ.2567) ภายหลังจากนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ข้อมูลอ้างถูก "นาย อ." กรรโชกทรัพย์หลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2565-2566 รวมหลายแสนบาท
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2567 เครือข่ายธรรมาภิบาลไทย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กับพวก ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการทำหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และความผิดที่เกี่ยวเนื่องในกรณีสั่งการให้ใช้รถยนต์ของราชการไปใช้ในภารกิจอื่นที่ไม่ใช่งานของทางราชการ เหตุเกิดที่กรมการข้าว แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2565 เวลา 06.00 น.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พบว่า มีการนำเรื่องดังกล่าวไปร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของอธิบดีกรมการข้าว ในเรื่องการทุจริตจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว
ต่อมาวันที่ 25 พ.ย.2565 ทางเครือข่ายธรรมาภิบาลไทย ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปถึงอดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้กำกับดูแลกรมปศุสัตว์ กรมการข้าว ให้ตรวจสอบกรณีนายณัฏฐกิตติ์ นำข้อมูลการสอบสวนเกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อเครื่องนับเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งตนเองเคยร้องเรียนผ่านอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นข้อมูลชั้นความลับ มาให้เพื่อหวังผลบางอย่าง
นอกจากนี้ รายละเอียดในหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ยังระบุว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2565 นักการเมืองใหญ่ในภาคอีสาน ตำแหน่งในขณะนั้นเป็นอดีต ผช.รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ติดต่อโดยขอให้ไปพบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา เพื่อขอให้ถอนฟ้องนายณัฏฐกิตติ์ โดยมีการข่มขู่คุกคามให้ถอนตัว หรือไม่ให้ยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว แต่ตนไม่ยอม
แหล่งข่าวยังเปิดเผยถึงพฤติกรรมของนักการเมืองคนดังกล่าว ว่า เคยร่วมกับอธิบดีกรมการข้าว สกัดการขึ้นดำรงแหน่งของรองอธิบดีคนหนึ่งโดยอ้างว่ามีการทุจริต ด้วยการว่างจ้างเครือข่ายชาวนาให้นำมวลชนมากดดันที่กระทรวงเกษตรฯ และยังค้างจ่ายค่าจ้างชาวนาที่สุพรรณบุรี 70,000-80,000 บาท สร้างความเจ็บซ้ำน้ำใจให้กับชาวนาอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าการเติบโตในชีวิตราชการตั้งแต่เป็นข้าราชการ ซี3 ทำงานอยู่ในสำนักงานเกษตรจังหวัด และได้รับการสนับสนุนจากอดีต รมช.คมนาคม
แหล่งข่าวยังกล่าวว่า หากถูกนักการเมืองคนนี้แจ้งความ หรือพาดพิงในข้อหาใด ๆ ก็ตาม ตนเองจะเข้าแจ้งความและฟ้องร้องทันที ไม่มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อ
ส่วนสาเหตุที่ต้องการปิดปากตนเองไม่ให้เปิดเผยข้อเท็จจริง เพราะทุกฝ่ายรู้จักกันหมด โดยเฉพาะนายณัฏฐกิตติ์กับนักการเมืองคนดังกล่าว ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งเกษตรจังหวัดสกลนคร นครสวรรค์ จนก้าวขึ้นเป็นรองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในปี 2564 และอธิบดีกรมการข้าว
ความสัมพันธ์ "นักการเมืองคนดัง-เอกปากน้ำ"
สำหรับนักการเมืองอีสาน เข้ามาเกี่ยวข้องกับอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากในช่วงที่เข้ามาอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความคุ้นเคยกับนายสมเกียรติ มือขวาของเสี่ย ต. โดยนักการเมืองคนนี้เป็นผู้ชักนำนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ให้เข้ามาร่วมช่วยงานที่พรรคฯ ซึ่งนายยศวริศ มีความสนิทสนมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่เป็นรุ่นน้องที่ ม.แม่โจ้ ของอธิบดีกรมการข้าว ซึ่งหลายคนทราบว่าทั้งคู่รู้จักกันมานานกว่า 10 ปี โดยมีการประสานงานผ่านรุ่นพี่ ม.แม่โจ้ รุ่น 48 และรุ่น 51 ซึ่งปัจจุบันยังทำงานในกระทรวงเกษตรฯ และกลุ่มคนดังกล่าวมักจะพบกันช่วงงานเลี้ยงรุ่นมหาวิทยาลัย
ศรีสุวรรณไม่ให้ใครเข้าบ้านง่าย ๆ หากไม่รู้จักกันมาก่อน และยิ่งไม่ไว้ใจใคร โดยเฉพาะเลขาฯ หมู อดีตที่ปรึกษาของ รมว.เกษตรฯ
ส่วนความสัมพันธ์กับนายเอกลักษณ์ วารีชล หรือเอก ปากน้ำ พบว่ามีความสนิทสนมกับนักการเมืองคนดังมานานมาก ตั้งแต่ยุคที่เขาเป็นรองเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยนายเอกลักษณ์ จะทำหน้าที่เขียน TOR ให้บริษัทสื่อสารแห่งหนึ่งชนะการประมูลโครงการใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นผู้เขียนแผนของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
แหล่งข่าว ยังระบุว่า ขณะนี้ ปปป.ยังไม่ได้เรียกตนเข้าสอบปากคำ แต่เตรียมเอกสารหลักฐาน และคลิปเสียงการสนทนาของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้แล้ว มั่นใจหลักฐานแน่น พร้อมชน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผบช.ก.สั่งตั้งคณะทำงานคดีรีดทรัพย์อธิบดี-จ่อขอหมายจับเพิ่ม
ป.ป.ช.ขยายผลรีดทรัพย์อธิบดี จี้เปิดเอกสารปลด "เจ๋ง ดอกจิก" พ้น จนท.รัฐ
"อธิบดีกรมการข้าว" ให้ข้อมูลเพิ่มปมรีดทรัพย์ "บิ๊กเต่า" ยันไม่ถอยทำคดี
"แรมโบ้อีสาน" พบ "บิ๊กเต่า" เผยเจ็บปวดมาก ถูก "อ." รีดทรัพย์ 6 ครั้ง