ก่อนหน้านี้ “บิ๊กโจ๊ก” ได้เคยออกโรงปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับคดี รวมทั้งยืนยันไม่รู้จัก มินนี่ ที่เป็นผู้ต้องหาคดีเว็บไซต์การพนันและข้อหาฟอกเงิน เช่นเดียวกับ มินนี่ ที่ปฏิเสธไม่รู้จัก “บิ๊กโจ๊ก”เช่นกัน ก่อนที่จะคลิปยืนร้องเพลงคู่กันของทั้งคู่ เป็นนัยหักล้างคำปฏิเสธดังกล่าวในที
คดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ เป็นคดีดังช่วงปลายปี 2566 ถือเป็นข่าวใหญ่บนหน้าสื่อ เพราะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ตำรวจไซเบอร์ พร้อมอาวุธครบมือบุกค้นบ้านพักของ “บิ๊กโจ๊ก” โดยตำรวจ PCT หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำนวนคดีที่ตำรวจไซเบอร์ส่งถึงอัยการและป.ป.ช. ที่มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน (จากเดิมมากกว่า 60 คน) และ 8 จาก 14 คน เป็นตำรวจลูกน้องทีมงานของ "บิ๊กโจ๊ก"
อ่านข่าว : จับกระแสการเมือง : 22 ก.พ.2567 เปิดหน้าท้ารบ "บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กเต่า" พิษเว็บพนันเครือข่ายมินนี่
นอกจากนี้ พนักงานสืบสวนสอบสวนขยายผลตรวจพบหลักฐาน และผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ต้องหาชุดแรกเพิ่มเติม นำไปสู่การกล่าวโทษกับ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.2566 ให้ดำเนินคดีกับตำรวจอีก 5 นาย และมีชื่อของ "บิ๊กโจ๊ก" รวมอยู่ด้วย
คอนเฟิร์มชัดเจนจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก.ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีเว็บไซต์การพนัน มินนี่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2567 แจ้งข้อหา มาตรา 157 และ149 รองผบ.ตร.คนดังแล้ว โดยอ้างหลักฐานเส้นทางการเงินบัญชีมาจากเว็บไซต์การพนัน ไปใช้จ่ายค่าน้ำประปา-ไฟฟ้า -ค่าบ้าน และค่ารักษาพยาบาลคนใกล้ชิด
สำนวนขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. เพราะผู้ถูกกล่าวโทษเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อยู่ระหว่างรอ ป.ป.ช.พิจารณาว่า จะดำเนินการต่อเอง หรือส่งกลับให้ตำรวจทำ แต่เบื้องต้นตำรวจอยากขอมาทำเองมากกว่า เพราะเกี่ยวพันต่อเนื่องกับคดีแรก และหากส่งกลับมา จะมีแจ้งข้อหาฟอกเงินเพิ่มอีก 1 ข้อหา
เป็นเหตุให้ “บิ๊กโจ๊ก” ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่ายยาวตอบโต้ “รองเต่า” ทันที เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2567 ยืนยันเป็นเพียงความเห็นของตำรวจ ที่เสนอไปยังอัยการและ ป.ป.ช.ตามขั้นตอนปกติเท่านั้น
อ่านข่าว : "พล.ต.ต.จรูญเกียรติ" แจงปมขอ ป.ป.ช.ดึงคดีมินนี่กลับ ปัดกลั่นแกล้ง "บิ๊กตำรวจ"
ไม่ได้หมายความว่า ป.ป.ช.จะเห็นด้วยกับความเห็นควรสั่งฟ้อง ของพนักงานสอบสวน ต้องมีการตรวจสอบ แสวงหาข้อเท็จจริงก่อนว่า เป็นตามความเห็นให้สั่งฟ้องหรือไม่ ยังไม่นับเรื่องต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
เท่ากับเป็นการ “ดับเครื่องชน” อีกครั้งจาก “บิ๊กโจ๊ก” หลังจากต้องเผชิญมรสุมอย่างต่อเนื่อง นับจากกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้ง และมีรายชื่อในแคนดิเดท ผบ.ตร.คนต่อไป ในการกระชุม ก.ตร. ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังยืดเยื้อมาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีปัญหากว่าจะโหวตเลือกได้นายกรัฐมนตรี
เมื่อโดนตำรวจไซเบอร์จู่โจมบุกค้นบ้าน ก่อนการประชุม ก.ตร. เคาะชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่เพียง 2 วัน ทำให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล คว้าเก้าอี้ ผบ.ตร.ไปตามคาด ท่ามกลางประเด็นร้อนเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนายเศรษฐา ต้องสั่งการให้เคลียร์ใจกัน นำไปสู่ภาพการยืนประกบคู่กันระหว่างทั้ง 2 คน ผ่านสื่อหลักและสื่อโซเชียล
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้ปีเดียว ต้องเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 ก.ย.2567 แต่ “บิ๊กโจ๊ก” ยังอยู่ยาวเพราะเกษียณปี 2574 ทั้งยังจะได้เปรียบเรื่องอาวุโส เมื่อเทียบกับแคทดิเดทผบ.ตร.คนอื่น ๆ ในรอบใหม่
แต่พอถูกจุดกระแสโดน 2 ข้อหาในคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ทั้งจะเจอข้อหาฟอกเงิน พ่วงอีก 1 ข้อหาด้วย ทำให้จังหวะและโอกาสของ “บิ๊กโจ๊ก” ส่อเค้าจะเพลี่ยงพล้ำเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และในปีต่อ ๆ ไป ก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร
อ่านข่าว : "เศรษฐา" ยังไม่ได้รับรายงาน ปม "บิ๊กโจ๊ก" ถูกแจ้งข้อหาโยงเว็บพนันออนไลน์
ท่ามกลางกระแส “หวยล็อค” ของฝ่ายการเมือง ที่ลือสะพัดกันมาก่อนหน้านี้ จะมีระดับ ผู้ช่วยผบ.ตร.ขึ้นลิฟท์ด่วน 2 ชั้นในปีเดียว ไปนั่งเก้าอี้สูงสุดของสตช. แม้จะมีบางกระแสอ้างเรื่อง “บิ๊กต่อ” ดึงวาระข้อกำหนด ก.ตร.ที่เดิมจะอนุโลมใช้ในการพิจารณาแต่งตั้งในเดือนเมษายน ที่จะถึงนี้ออกไปแล้ว
แต่ตำแหน่งใหญ่อย่าง ผบ.ตร.อะไรก็เกิดขึ้นได้
เป็นเหตุให้อุณหภูมิในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องกลับมาร้อนระอุอีกรอบ และ “บิ๊กโจ๊ก” สวมบท “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ให้ได้เห็น
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา