ช่วงค่ำวันที่ 24 ก.พ.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ตรวจระบบการให้บริการ จากที่เคยตรวจในลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่งซึ่งนายกฯ โพสต์ใน X ว่าผู้โดยสารหนาแน่นพอควร
นายเศรษฐาได้จับเวลาการให้บริการภายในสนามบิน ขาออก เริ่มตั้งแต่ลงรถ เข้าสู่ระบบเช็กอิน ระบบรักษาความปลอดภัย เดินไปถึงเทอร์มินอล จนรอขึ้นเครื่อง
ส่วนขาเข้า ตั้งแต่ลงเครื่อง มาถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง และระบบการจัดการทั้งหมดแบบละเอียด พบว่าใช้เวลามาก จึงสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าจะสามารถกำหนดเวลาตายตัวได้หรือไม่ คำตอบคือไม่แน่นอน จึงสั่งการให้ปรับปรุงแบบด่วนที่สุด
นายกฯ ระบุว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ตม. ร่วมกันลงไปตรวจสอบระบบช่วงเวลาที่คนหนาแน่นมากๆ ด้วยตัวเอง เพื่อจะได้รู้ว่าต้องแก้ปัญหาตรงจุดไหน และครั้งหน้าจะลงตรวจด้วยตัวเองอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมระบุอีกว่า กำลังพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบิน และกำลังเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกชาติ
ก่อนหน้านี้ นายกฯ เคยเข้าไปตรวจการให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิแบบไม่แจ้งล่วงหน้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้นไปในช่วงเช้าก่อนเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล และสั่งการเดินหน้าแก้ปัญหาระบบตรวจคนเข้าเมืองล่าช้า หลังเกิดเหตุระบบล่มจนสร้างความเดือดร้อน โดยย้ำนักท่องเที่ยวต่อคนต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที นับตั้งแต่ลงเครื่อง ครั้งนี้ จึงมาตรวจสอบซ้ำในช่วงเย็นว่ายังมีปัญหาเช่นเดียกันหรือไม่
ขณะเดียวกันกลางสัปดาห์ นายกฯ ประกาศจะผลักดันศักยภาพด้านการบินเป็น 1 ใน 8 ด้านที่จะผลักดันให้ไทยก้าวเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาค โดยวางให้สนามบินสุวรณภูมิเป็นฮับที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายใน 4 ปี ด้วยการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 และ 4 ยกระดับสนามบินรองให้เป็นสนามบินนานาชาติ ปรับระบบซอฟต์แวร์ให้รองรับ ลดค่าลงจอด ปรับค่าลงจอดช้าให้แพงขึ้น เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเครื่องต่อเที่ยวบินของผู้โดยสาร สร้างสนามบินอีกหลายแห่ง เพื่อให้เกิดความสะดวกและดึงดูดให้มีผู้ใช้บริการมากขึ้น
อ่านข่าวอื่นๆ
"สุดาวรรณ" ดัน "อยุธยา" เป็นฉากในเกม Ragnarok Origin
กทพ.ปรับขึ้นค่าทางด่วน "ฉลองรัช-บูรพาวิถี" 5 บาท มีผล 1 มี.ค.นี้