วันนี้ (28 ก.พ.2567) นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ไทยมีการลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–ศรีลังกา FTA ฉบับที่ 15 ของไทย
พิธีลงนามความตกลงFTA ไทย-ศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2567 ที่ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ซึ่งเป็น FTA ฉบับที่ 15 ของไทย
พิธีลงนามความตกลงFTA ไทย-ศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2567 ที่ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ซึ่งเป็น FTA ฉบับที่ 15 ของไทย
โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเปิดตลาดสินค้า ในการยกเลิก/ลดภาษี ในระดับร้อยละ 85 ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด ปัจจุบันทั้งสองประเทศอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายของแต่ละประเทศเพื่อให้ความตกลง มีผลบังคับใช้ก่อนปลายปี 2567
ทั้งนี้ไทยกับศรีลังกามีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างในปี 2564 - 2566 เฉลี่ย 3,248 ล้านบาทต่อปี สำหรับไทยส่งออกไปศรีลังกาเฉลี่ยมูลค่า 2,975 ล้านบาทต่อปี นำเข้า เฉลี่ย 273 ล้านบาทต่อปี
นายฉันทานนท์ กล่าวอีกว่า การจัดทำ FTA ฉบับนี้ ศรีลังกาได้ลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรสำคัญให้ไทย เช่น ปลามีชีวิต ปลาทะเลแห้ง เครื่องปรุง กุ้งมีชีวิต สด/แช่เย็น เมล็ดพืชผักสำหรับเพาะปลูก อาหารสัตว์และของปรุงแต่งที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ และอาหารปรุงแต่งที่ทำจากธัญพืช ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปตลาดโลกสูง ในขณะที่ศรีลังกามีความต้องการนำเข้าจากตลาดโลกจึงเป็นโอกาสให้สินค้าเกษตรไทย
อาหารทะเล
อาหารทะเล
ทั้งนี้ สำหรับสินค้าเกษตรที่ไทยเปิดตลาดให้ศรีลังกา ส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น แป้งข้าวสาลี ชา มะพร้าวฝอย ปลาทูน่าแช่แข็ง อบเชย กุ้ง หมึกแช่แข็ง และกุ้งมีชีวิต/สด/แช่เย็น
เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นและจะช่วยลดต้นทุนการผลิตในอนาคตอีกด้วย
ธัญพืช
ธัญพืช
เลขาธิการสศก. กล่าวอีกว่า ความตกลงเขตการค้าเสรีฉบับนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับศรีลังกา ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสองประเทศที่จะยกระดับการค้า การลงทุน การอำนวยความสะดวกในทางการค้าให้มากยิ่งขึ้น
และยังเป็นโอกาสในการขยายการค้าการลงทุนของไทยไปยังตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เนื่องจากศรีลังกาตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกได้
อ่านข่าวอื่นๆ:
รับเทรนด์โลกยุคใหม่ สนค.ดัน Event Tourism ชูวัฒนธรรมย้อนยุค