กลางดึกวันที่ 18 มี.ค.2567 ผู้ลักลอบเข้าเมือง 66 คน ถูกตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จับกุมพร้อมรถยนต์นำพา 4 คัน ในสวนยางแห่งหนึ่งที่ บ้านอู่ล่อง ต.ท่าขนุน
ไม่ไกล พบผืนผ้าใบถูกปูอย่างง่าย ๆ บนพื้น มีกระเป๋าสัมภาระกองไว้ บ่งบอกว่า ผู้นำพากำลังนำ “ลูกค้า” กลุ่มนี้ไปพักซ่อนไว้ ก่อนเดินทางต่อ
ทั้งหมดถูกนำตัวไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิในคืนนั้น
จุดที่พบผู้ลักลอบเข้าเมือง 66 คน มีผ้าใบปูเป็นที่พักคอย
‘หนี’ หรือ ‘รบ’ เส้นทางที่ต้องเลือก
ที่นั่นทีมข่าวได้พูดคุยกับชายชาวเมียนมา อายุ 33 ปี จากเมืองย่างกุ้ง เป็น 1 ใน 66 คนที่ถูกจับ เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นครีมที่เปื้อนฝุ่นจนกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขาของเขาเต็มไปด้วยรอยถลอกที่คาดว่า เป็นร่องรอยที่ได้จากการเดินทางในป่า
ชายชาวเมียนมาจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา
ในบรรดาพี่น้อง 6 คน ที่ส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียน มีเขาเพียงคนเดียวที่อายุเข้าเกณฑ์ที่ต้องถูกบังคับเกณฑ์ทหาร นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขากังวลอย่างมาก หลังรัฐบาลเมียนมานำกฎหมายบังคับพลเรือนเกณฑ์ทหารมาใช้ โดยกำหนดให้ชายอายุ 18-35 ปี และ หญิงอายุ 18-27 ปี ทุกคนต้องเข้ารับใช้กองทัพเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
ที่ประเทศของผมมีการบังคับเกณฑ์ทหาร แล้วพ่อแม่ก็ทำงานไม่ได้ ไม่มีรายได้ ก็เลยต้องหนีมาเมืองไทย ถ้าถูกเกณฑ์ทหาร เขาให้ฝึกแค่ไม่กี่วัน แล้วก็ส่งไปสนามรบเลย ไม่ได้ฝึกดี ๆ เป็นปีสองปี ฝึกแค่ไม่กี่วัน ก็ถูกส่งไปรบแล้ว
เขาจ่ายเงิน 16,000 บาท ให้นายหน้าช่วยทำหนังสือเดินทาง แต่ไม่นานการทำหนังสือเดินทางในย่างกุ้งกลับถูกระงับ ส่วนนายหน้าก็ไม่คืนเงิน
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงหันมาใช้บริการนายหน้าพาคนข้ามพรมแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ที่มีอยู่หลายรายในเมืองพญาตองซู ติดกับชายแดนอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ประเทศไทย
เริ่มต้นการเดินทาง
เขาจ่ายเงินให้นายหน้า 16,000 บาท เป็นค่านำพาข้ามแดน จากนั้นจึงเดินทางออกจากเมืองย่างกุ้ง โดยมีจุดหมายอยู่ที่เมืองพญาตองซู ที่นั่นเขาถูกพาไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ร่วมกับคนอื่นๆ ที่รอข้ามแดนเหมือนกัน ทุกวันจะมีคนนำอาหารและน้ำมาส่งวันละ 2 ครั้ง
เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา
อยู่ที่นั่นประมาณ 5 วัน นายหน้าบอกว่าต้องรอให้คนเยอะๆ จนวันหนึ่งนายหน้าก็มาเรียกให้ทุกคนเก็บของออกมาจากบ้านพัก พาไปรวมกับคนอีกกลุ่ม ที่มากับนายหน้าคนอื่น แล้วก็มีคนพาเดินไปพร้อมกัน
ทั้งหมดใช้เวลาเดินในป่าประมาณ 2-3 ชั่วโมง ข้ามพรมแดนเมียนมาเข้าสู่ประเทศไทย จากนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์มารับทีละคน พาขับผ่านด่านตรวจไปส่งยังจุดพักใกล้แม่น้ำ เมื่อถึงเวลานัดหมายจะมีเรือมารับ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นรถยนต์อีกทอดหนึ่ง แต่หลังจากขึ้นรถได้ 1 ชั่วโมงก็ถูกจับ
ตอนเดินในป่าทั้งหกล้มทั้งลื่น ขาเป็นรอยเต็มไปหมด พอขึ้นรถก็ต้องนั่งซ้อนๆกัน ไม่รู้กี่คน ทั้งอยู่ในรถ ทั้งอยู่กระบะท้าย
ชีวิตล่มสลาย “หนี” คือ ทางรอด
ในกลุ่มที่ถูกจับพร้อมๆ กัน มีชายชาวกะเหรี่ยง อายุ 27 ปี รวมอยู่ด้วย
เขาเคยทำงานเป็นช่างไฟฟ้าอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต 7 ปี เป็นคนเดียวในกลุ่มที่พูดภาษาไทยได้ ตำรวจจึงให้เป็นล่าม ระหว่างสอบปากคำเก็บประวัติผู้หลบหนีเข้าเมืองคนอื่น ๆ
ผมเก็บเงินได้ประมาณ 6 แสนบาท กลับไปทำธุรกิจอยู่บ้านประมาณสี่ปีกว่าแล้ว แต่ตอนหลังที่บ้านมันไม่สงบ เดี๋ยวก็ยิงกัน บางครั้งคนตาย บางครั้งก็บ้านไฟไหม้ไปหมด เราเห็นกับตาเลย พวกผมก็ต้องหนีไปหลบในป่า บางคนก็ไม่ได้กินข้าวบ้าง อยู่กันลำบาก เลยต้องกลับมา
ถ้าไม่มีสู้รบเราก็สบายไปแล้ว ไม่ต้องมาที่นี่แล้ว
ชายจากรัฐกะเหรี่ยง ถูกจับระหว่างเดินทางเข้าประเทศไทย
แม้ไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับเกณฑ์ทหาร แต่ความรุนแรงจากการสู้รบ ทำให้เขาตัดสินใจทิ้งธุรกิจ หนีเอาชีวิตรอดมาที่ประเทศไทย เป้าหมายคือมาอยู่กับภรรยาที่เดินทางมาก่อนล่วงหน้า แต่สุดท้ายเขาก็ไปไม่ถึง
ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปครับ แฟนน่าจะยังไม่รู้ว่าถูกจับเพราะไม่ได้ติดต่อตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถ้าเขารู้น่าจะเสียใจเพราะจ่ายเงินไป 13,000 บาท เขาทำงานได้วันละ 330 บาท เอง เขาเก็บเงินไว้ให้ผมเดินทางมา
ก่อนหน้านี้เขาเดินทางเข้าไทยอย่างถูกต้องทุกครั้ง แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่หลายพื้นที่ชะลอการทำหนังสือเดินทางให้กับชาวเมียนมา ประกอบกับไทยจำกัดการออกวีซ่าให้ชาวเมียนมาทำให้เขาตัดสินใจเข้าไทยด้วยวิธีผิดกฎหมาย
ถ้าจะมาถูกต้องมันต้องไปที่ย่างกุ้ง แต่มันอันตราย ที่ทำหนังสือเดินทางก็ปิด ถึงเปิดก็ต้องรอ 5-6 เดือน บางครั้งจ่ายเงินแล้วโดนโกงก็มี เราก็ไม่มีทางเลือก ถ้ามาถูกได้ก็ไม่ทำอย่างนี้
ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ต้องถูกจับกี่ครั้ง ผมก็ต้องไปหาแฟนผมให้ได้
ผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวเมียนมาถูกจับที่อ.ทองผาภูมิ
ข้อมูลจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า วันที่ 1 ม.ค. ถึง วันที่ 23 ก.พ. 2567 จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ 102 คน แต่หลังจากนั้นจนถึงวันที่ 23 มี.ค. 2567 เจ้าหน้าที่จับผู้ลักลอบเข้าเมืองได้รวมกันเกือบ 600 คน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน