รองนายกฯ เร่งพิจารณาข้อเสนอแก้กฎระเบียบทำประมงไม่ให้กระทบประมงพื้นบ้าน
เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.2558) ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้รับทราบข้อเสนอของภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (ไอยูยู) โดยมอบหมายให้กรมประมงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการทำประมง เช่น เรื่องของแรงงานและการทำสมุดบันทึกการประมง โดยไม่ผิดระเบียบของไอยูยูและไม่กระทบกับการทำประมงพื้นบ้าน ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาปรับปรุงข้อเสนอให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการช่วยเหลือผ่อนปรนเรือประมงที่ไม่สามารถออกทำการประมงได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2558 ว่ารัฐบาลได้จัดชุดเคลื่อนที่ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในพื้นที่ 22 จังหวัดชายฝั่ง เพื่อให้บริการ ณ จุดที่เรือขึ้นท่า อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของเรือ ไต๋เรือ และลูกเรือได้มาแสดงหลักฐานเอกสารเพื่อให้สามารถออกทำการประมงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนให้ประมงที่ยังขาดเอกสารในการออกเรือ ดำเนินการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับการทำประมง และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วอบรมใบอนุญาตให้นายท้ายเรือ นายช่างเครื่องและพนักงานวิทยุในเรือประมง ทำให้มีชาวประมงและผู้ประกอบการประมง จ.สมุทรสาคร สนใจเข้าอบรมและยื่นเอกสารกว่า 600 คน ซึ่งนายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร เชื่อว่าหากการตรวจเอกสารและอุปกรณ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว เรือเล็กและเรือใหญ่ประมาณ700-800 ลำ จะสามารถออกทำประมงได้ทันที และต่อจากนี้อีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ คาดว่าสถานการณ์เรือประมงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้านนายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง กล่าวว่าในสัปดาห์หน้ากรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงพื้นที่ไปยังสะพานปลาและท่าเทียบเรือต่างๆ เพื่อให้บริการจดทะเบียนเรือให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงใบขออนุญาตทำการประมงที่ถูกให้กับชาวประมง แต่หากชาวเรือไม่สามารถดำเนินการภายในวันที่ 15 ก.ค. ขอให้ชาวประมงไปติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเพื่อขอจดทะเบียนทันที
ส่วนกรณีที่กลุ่มเรือประมง รวมตัวปิดอ่าวขัดขวางไม่ให้เรือประมงที่ถูกกฎหมายออกหาปลา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าหากมีผู้อยู่เบื้องหลัง หรือใช้อิทธิพลบังคับเรือประมงไม่ให้ออกจับปลา ตำรวจในพื้นที่ต้องดำเนินการทันที แต่ต้องดูว่าเกิดความเสียหายต่อภาพรวมหรือไม่ หรือทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร