วานนี้ (2 เม.ย.2567) ผลการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ "กสทช." ที่ประชุมมีมีมติเอกฉันท์ 7-0 เสียง ถอดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ออกจากกฏมัสต์ แฮฟ ที่ให้คนไทยได้ดูฟรี ส่งผลให้คนไทยที่อยากดูฟุตบอลโลก 2026 มีโอกาสสูงที่้ต้องจ่ายเงินเพื่อรับชมการแข่งขัน หากมีภาคเอกชนไทยยอมทุ่มงบซื้อลิขสิทธิ์มาครอบครอง
อ่านข่าว : "ธนา" โพสต์ชี้ กฎ Must Have ทำค่าลิขสิทธิ์พุ่ง - เอกชนโอกาสขาดทุนสูง
ต้นเหตุของเรื่องนี้ต้องย้อนไปในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 ที่ไม่มีภาคเอกชนไทยยอมซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก เนื่องจากติดข้อกำหนด "มัสต์ แฮฟ" ทำให้มีข้อจำกัดในการทำกำไร ส่งผลให้ กสทช.ต้องอนุมัติเงินสูงสุด 600 ล้านบาท จากจำนวนค่าลิขสิทธิ์เต็ม 1,600 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยได้ดูศึก "เวิลด์ คัพ" ที่ประเทศกาตาร์ ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสม
แต่รายการอื่นๆ ที่มีนักกีฬาไทยร่วมลงแข่งทั้ง ซีเกมส์ , เอเชียน เกมส์ , อาเซียน พาราเกมส์ , เอเชียน พาราเกมส์ , โอลิมปิก และ พาราลิมปิก ยังอยู่ในกฎมัสต์ แฮฟ ตามเดิม
อ่านข่าว : กสทช.เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศยกเลิกกฎ Must have - ให้รับฟังความเห็นปชช. 30 วัน
สำหรับฟุตบอลโลกปี 2026 ที่ 3 ชาติในอเมริกาเหนือ ก็คือ สหรัฐ , แคนาดา และ เม็กซิโก จะเป็นเจ้าภาพร่วม จะมีการเพิ่มทีมจาก 32 ทีมเป็น 48 ทีม และเพิ่มจำนวนนัดการแข่งขันจาก 64 นัดเป็น 104 นัด ทำให้คาดว่า มูลค่าลิขสิทธิ์บอลโลกครั้งนี้จะสูงมากเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว
อ่านข่าวอื่น ๆ
คนไทยอาจหมดสิทธิ์ชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018
เปิดเงื่อนไข "ไทย" เข้ารอบ 3 คัดบอลโลก
ทัพช้างศึก ต้องฝ่าอีกกี่ด่าน ถึงจะได้ไปบอลโลก
รู้หรือไม่ ชาติใดในเอเชีย เคยไปฟุตบอลโลกมากที่สุด