ผู้นำจีนเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรปจะฟื้นตัว
นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในพิธีเปิดการประชุมเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ที่จีนเป็นเจ้าภาพว่า จีนไม่สามารถเติบโตอย่างโดดเดี่ยวได้ ดังนั้นหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนได้ คือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแกร่ง เพื่อกระตุ้นความต้องการภายในจีน ซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจโลกโดยรวมได้ พร้อมยืนยันจะใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมเงินเฟ้อในประเทศที่พุ่งสูง และลดความร้อนแรงในการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ผู้นำจีนยังแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรป จะฟื้นตัวกลับมาได้ ซึ่งสิ่งจำเป็นในขณะนี้ คือการสร้างความเชื่อมั่นเพิ่มความร่วมมือซึ่งกันและกัน รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลชาติต่างๆ แสดงความรับผิดชอบด้วยการควบคุมสภาผู้แทนของตัวเองให้ได้ ขณะที่ชาติยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ ควรใช้นโยบายการเงินการคลังที่มีประสิทธิภาพและรับผิดชอบต่อผู้อื่น รวมทั้งจัดการกับปัญหาหนี้สินของตัวเองอย่างเหมาะสม แม้ผู้นำจีนจะแสดงความมั่นใจในเศรษฐกิจโลก แต่มีผู้แทนที่ร่วมงานไม่น้อย ที่แสดงความกังวลว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะเชื่องช้า รวมทั้งกังวลถึงปัญหาหนี้สินในสหภาพยุโรป
ทั้งนี้การประชุมเศรษฐกิจโลกมีขึ้นในช่วงที่สำนักงานสถิติสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานประจำปี 2553 พบว่าตัวเลขชาวอเมริกันที่มีฐานะยากจนเพิ่มขึ้นเป็น 46.2 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 15.1 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มีจำนวนคนยากจนร้อยละ 14.3 และยังเป็นตัวเลขคนยากจนสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2526 และมีจำนวนคนยากจนเทียบเท่าปี 2536 โดยช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯมีแนวโน้มคนยากจนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเส้นแบ่งความจนสหรัฐฯ วัดจากผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 27,847 บาทต่อเดือน
ด้านนายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้โอกาสในการเดินทางเยือนรัฐโอไฮโอ เรียกร้องให้สภาคองเกรส เห็นชอบร่างแผนสร้างงานมูลค่า 450,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 13,500,000 ล้านบาท ที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้ โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศ แม้ผู้นำสหรัฐฯจะเชื่อมั่นแต่สำหรับเสียงในสภาล่างที่พรรครีพับลิกันเป็นผู้กุมเสียงข้างมาก กลับแสดงความสงสัยถึงแผนการดังกล่าว และมองว่าเป็นเพียงแนวคิดเดิมๆที่นำมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง