วันนี้ (20 พ.ค.2567) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอทราบความคืบหน้ากรณีที่ได้ยื่นพยานเอกสารเพิ่มเติมให้มีการสอบเพิ่ม ในคดีที่ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหากรณีการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ 260 คัน วงเงิน 900 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2561-2562
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า มาสอบถามความคืบหน้าทางคดีพร้อมมายื่นขอความเป็นธรรม เป็นครั้งที่ 2 ตามระบบของ ป.ป.ช.เนื่องจากการยื่นครั้งแรกไม่มีท่าทีตอบรับใด ๆ จากฝั่ง ป.ป.ช. ทั้งนี้ เอกสารที่ยื่นขอความเป็นธรรมมีพยานสำคัญ 5 ปาก
รวมทั้งพยานวัตถุ ที่เชื่อว่า มีความสำคัญต่อคดี โดยมีความเชื่อมโยงกับกรณีที่พนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจค้นบ้านของพ่อบ้านนายตำรวจนอกราชการคนหนึ่ง และเอกสารในคอมพิวเตอร์ระบุไว้ชัดว่ามีเอกสารเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย
ส่วนตัวสันนิษฐานไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการที่มีตำรวจเกี่ยวข้อง โดยผู้ร่วมขบวนการมีทั้งหมด 3 คน คือ ตำรวจนอกราชการ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และ พ.ต.ท.คนหนึ่งที่เป็นพ่อบ้าน นอกจากนี้ยังมีทนายคนดังอีกหนึ่งคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งหมดร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนกลั่นแกล้ง ด้วยเจตนาที่ไม่โปร่งใส
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า มีความกังวลต่อการทำงานของคณะกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ในประเด็นความเป็นกลางและมีอคติ จึงต้องการสื่อถึง ป.ป.ช.ว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ทั้งชุด และยืนยันว่า พร้อมมาชี้แจงด้วยตนเอง หลังจากที่ผ่านมาชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะเชื่อว่าเอกสารที่ส่งไปนั้นคณะกรรมการไต่สวนไม่ได้อ่าน จึงต้องการชี้แจงให้เกิดความชัดเจนด้วยตนเอง
ที่ผ่านมามีผู้ใหญ่หลายคนเตือนว่าเรื่องนี้มีธงในการทำคดี จึงเชื่อว่า หากมีการต่อสู้ทางคดีกันอย่างเป็นธรรมก็สามารถสู้ได้แน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ไดัต้องการก้าวล่วงการทำงานของ ป.ป.ช.
ส่วนกรณีนายตำรวจที่เป็นคู่ขัดแย้งกันเคลื่อนไหวรวบรวมรายชื่อ ถอดถอน ป.ป.ช.นั้น ยอมรับว่า เห็นด้วย แต่มองว่า หากจะล้างบ้านต้องล้างทุกห้องตั้งแต่ระดับล่าง ส่วนนายตำรวจที่ออกมาเรียกร้องให้ถอดถอน ป.ป.ช.จะเป็นคนดีหรือไม่เชื่อว่า คนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติย่อมรู้ดี และจะเห็นได้ว่า นายตำรวจคนนี้ไปที่องค์กรไหนก็วุ่นวายที่นั่น รวมทั้งมีพฤติกรรมหน้าอย่างหลังอย่างครั้งแล้วครั้งเล่า
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังยอมรับว่า รู้สึกสมเพชตัวเองที่ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. หลังเกษียณอายุราชการแล้ว ทั้งที่เคยมีผลงานสำคัญมามากมาย เพราะแม้แต่กระบวนการของศาลหากไม่เคยกระทำผิดมาก่อนก็ยังรอลงอาญา
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองครั้งนี้เหมือนจะเอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง และยังมีนายตำรวจคนหนึ่งพูดในกลุ่มด้วยว่า จะเอาไอ้แป๊ะติดคุกให้ได้ ทั้งที่เคยรับราชการด้วยกันมา
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังย้ำว่า หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเวรกรรมมีจริง ผู้ที่มารังแกกันจะต้องได้รับโทษ ถ้าไม่ได้รับโทษถือว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์-เวรกรรมไม่มีจริง พร้อมจะถอดสร้อยคอเลิกนับถือและเลิกสวดมนต์ ดังนั้นหากจะให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก็คาดหวังว่าคณะกรรมการไต่สวนจะเรียกพยานไปให้ข้อมูล
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้แสดงเอกสารพร้อมภาพถ่ายของนายตำรวจระดับสูงคนหนึ่งที่ถ่ายรูปคู่กับทนายคนดัง และอ่านข้อความที่ประกอบอยู่ในภาพว่า "วันนี้พี่โจ๊กชวนมาทานข้าวที่บ้านวิภาวดีรังสิต คุยเพลินไปเวลาอีกที 22.10 และมีเวลา 50 นาทีขับรถ กลับบ้านจะทำเคอร์ฟิวไหม"
พร้อมเปรียบเทียบภาพดังกล่าวกับคดีที่เกิดขึ้นว่า ทนายคนดังเปรียบเหมือนมือปืนมายื่นร้องและคนในภาพอีกคนเปรียบเสมือนผู้จ้างวาน ส่วนพ่อบ้านคือผู้สนับสนุน ซึ่งในภายหลังทนายคนดังที่เปรียบเหมือนมือปืนนี้นก็ได้มาขอโทษ และระบุว่า "ผมไม่น่าทำพี่เลย"
อ่านข่าว
ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา "พล.ต.อ.จักรทิพย์" คดีจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยันเป็นไปไม่ได้ ย้าย "บิ๊กโจ๊ก" กลับ ตร.
"พล.ต.อ.จักรทิพย์" ถอนตัวชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.