ตัดวงจร "คอลเซ็นเตอร์" ยึดอุปกรณ์แปลงสัญญาณมือถือเพียบ

อาชญากรรม
31 พ.ค. 67
13:44
3,098
Logo Thai PBS
ตัดวงจร "คอลเซ็นเตอร์" ยึดอุปกรณ์แปลงสัญญาณมือถือเพียบ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ยึดอุปกรณ์แปลงสัญญาณโทรศัพท์ ซิมบ็อกซ์ และเครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตจากดาวเทียม เตรียมถูกลักลอบส่งให้ประเทศเพื่อนบ้าน ใช้เป็นฐานหลอกผู้เสียหายทั่วโลก

วันนี้ (31 พ.ค.2567) ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงการขยายผลปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ โดยเป็น 1 ใน 14 เป้าหมายที่เข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังได้รับแจ้งจากสำนักศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่ามีการลักลอบนำเข้าเครื่องสตาร์ลิงค์และซิมการ์ดจำนวนหลายหมื่นชิ้น ซึ่งต้องสงสัยว่าอาจจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ในจุดนี้จับกุมผู้กระทำความผิดได้ 6 คน พบเจ้าของห้องพักเป็นชาวไต้หวัน มีภรรยาเป็นคนไทย และซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองเชียงใหม่ ลักลอบเปิดเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์ โดยพบของกลางอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ (simbox) หรือจีเอสเอ็มเกทเวย์ ที่ใช้สำหรับใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวนกว่า 96 เครื่อง ซิมการ์ดจากประเทศไทยจำนวนกว่า 6,700 ชิ้น ซิมการ์ดจากฮ่องกงจำนวนกว่า 27,000 ชิ้น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตจานดาวเทียว สตาร์ทลิงค์ (STARINK) จำนวน 4 เครื่อง เป็นของกลางที่ถูกตรวจยึดได้ในคอนโดมิเนียม ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยเป็นบ้านพักในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจค้นพบอุปกรณ์ขยายสัญญาณ, อุปกรณ์ต่อพ่วงเครื่องมือรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต วิทยุสื่อสารเครือข่ายข้าราชการกว่า 30 เครื่อง กุญแจมือ 50 อัน พร้อมคุมตัวชาวเมียนมา 4 คนในบ้านพัก จากการสอบปากคำ ทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่าเตรียมส่งของกลางดังกล่าวไปประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้ในฐานของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

อีกจุดหนึ่งตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ไผ่ต่ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี หลังสืบทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งผลการเข้าตรวจค้นพบอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ จำนวน 6 เครื่อง เครื่องกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและกล้องวงจรปิด พร้อมควบคุมตัวชายชาวเวียดนามได้ 3 คน 1 ใน 3 อ้างว่าเป็นผู้จัดหาห้องเช่าและขอติดตั้งอินเทอร์เน็ตตามจุดต่าง ๆ ซึ่งได้รับว่าจ้างจากบุคคลอื่น ส่วนอีก 2 คนอ้างว่าเป็นเพียงแค่ลูกจ้าง ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า อุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ หรือจีเอสเอ็ม เกตเวย์ เป็นตัวแปลงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นสัญญาณมือถือใช้ในการหลอกลวง โดยตัวอุปกรณ์จะถูกลักลอบติดตั้งภายในประเทศ หรือชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับไทย เพื่อรับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้ เมื่อมีการโทรจากต่างประเทศไปหาผู้เสียหาย อุปกรณ์ Simbox จะโชว์เป็นเบอร์โทรภายในประเทศไทย ซึ่ง Simbox 1 เครื่องสามารถควบคุมซิมการ์ดได้พร้อมกัน 32 ช่อง ทำให้โทรออกได้มากกว่า 480,000 เบอร์ต่อเดือน ปฏิบัติการในครั้งนี้จึงตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้กว่า 46 ล้านเบอร์ต่อเดือน

ส่วนอุปกรณ์สตาร์ลิงค์ที่ตรวจยึดได้ ส่วนหนึ่งตรวจพบว่ามีการลักลอบนำมาพร้อมซิมการ์ด โดยมีบุคคลหรือสถานที่ปลายทางรับพัสดุอยู่ที่จังหวัดแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และมักมีชาวจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเครื่องสตาร์ลิงค์ สามารถนำไปใช้เป็นช่องทางในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบดาวเทียมของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา กสทช. กวดขันการลักลอบใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์จากประเทศไทยตามแนวชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้จำเป็นต้องลักลอบใช้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นเครื่องมือ และการนำเข้ามาก็มักใช้ไทยเป็นทางผ่าน

เบื้องต้นตำรวจจะขยายผลติดตามตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยที่จะเป็นจุดลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ ซิมบ็อกซ์ และสตาร์ลิงค์ ของกลุ่มเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์เพื่อกวาดล้างให้หมดไป หากประชาชนพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย หรือสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งมักเป็นห้องเช่า-บ้านเช่า ที่มีการติดตั้งอินเทอร์เน็ต แต่ไม่ค่อยมีคนมาพักอาศัย ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่ตำรวจสอบสวนกลางได้ทันที

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง