วันนี้ (10 มิ.ย.2567) เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ รอบแรกในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ และเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 ก.ค.2567 ท่าทีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการสำรวจหน้าคูหาการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป ชี้ว่า กลุ่มการเมืองขวาจัด National Rally ของ Marine Le Pen ได้คะแนนนำโด่ง ทิ้งห่างพรรคการเมืองสายกลางของมาครงกว่าเท่าตัว
กระแสความนิยมขั้วการเมืองขวาจัดไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในฝรั่งเศส แต่อีกหลายประเทศเผชิญสถานการณ์ในลักษณะเดียวกัน โดยผลสำรวจหน้าคูหาชี้ว่าประชาชนส่วนมากหันไปเลือกกลุ่มการเมืองขวาจัดเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนในสภายุโรป
Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เผชิญความท้าทายไม่ต่างกัน หลังผลคะแนนชี้ว่าพรรค Social Democrats เสียคะแนนให้พรรค Alternative for Germany หรือ AfD พรรคขวาจัดที่มาแรงในเยอรมนี
ขั้วการเมืองขวาจัด คว้าที่นั่งสภายุโรปเพิ่ม
ขณะที่ภาพรวมเบื้องต้นพบว่า ขั้วการเมืองขวากลาง ยังครองเสียงข้างมากในสภายุโรปต่อไป โดยน่าจะได้ 189 ที่นั่ง จากทั้งหมด 720 ที่นั่งในสภายุโรป แต่กรณีแนวร่วมการเมืองฝ่ายขวาได้ที่นังในสภาเพิ่มขึ้น อาจทำให้การออกนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะในประเด็นความมั่นคงเกิดความล่าช้า และชะงักงันมากขึ้นในอนาคต
สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 373 ล้านคน ผลการเลือกตั้งจะชี้ชะตาการออกนโยบายทั้งเชิงสิ่งแวดล้อม และการรับผู้อพยพ รวมถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างรัฐว่าจะออกมาในรูปแบบของการร่วมมือกันมากขึ้น หรือจะพัฒนาไปสู่แนวทางที่แต่ละประเทศให้ความสำคัญกับแนวคิดชาตินิยมมากขึ้น
ล่าสุด Alexander De Croo นายกรัฐมนตรีเบลเยียม ประกาศลาออกหลังผลการเลือกตั้งเบื้องต้นชี้ว่า พรรคการเมืองขวาจัดได้คะแนนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประชาชนในเบลเยียมไม่ได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกรัฐสภายุโรป แต่ยังลงคะแนนเลือกตั้งผู้แทนในระดับท้องถิ่นและระดับชาติด้วย