วันที่ 11 มิ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สองพี่น้อง ซึ่งเป็นหญิงอายุ 34 ปี และหญิงอายุ 35 ปี ชาว ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชลหลังถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน
น้องสาววัย 34 เล่าว่ามีโทรศัพท์โทรเข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่เครือข่ายมือถือค่ายหนึ่ง โดยพบมีคนแอบอ้างนำบัตรประชาชนไปเปิดเบอร์และทำเรื่องเสียหาย แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ. เมืองขอนแก่น จึงบอกไปว่าไม่สะดวก
จากนั้นจึงถูกโอนสายไปที่อีกคน ปลายสายอ้างว่าเป็นตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมให้แอดไลน์ และขอเลขบัตรประชาชนเพื่อไปเช็กประวัติ ก่อนจะหลอกว่ามีส่วนพัวพันการฟอกเงิน ก่อนจะส่งบัญชีธนาคารมีชื่อตนเป็นเจ้าของบัญชีพร้อมแนบหมายศาล
ต่อมาหลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบ อ้างว่าจะคืนให้ภายใน 20 นาที สุดท้ายโอนไป 500,000 บาท และติดต่อไม่ได้อีก จึงทราบว่าถูกหลอกและเข้าแจ้งความ
ขณะที่พี่สาวพยายามหาเงินมาช่วยน้อง ด้วยการเข้าไปในอินเทอร์เน็ตพบแอปพลิเคชันที่ใช้ชื่อคล้ายกับธนาคาร โดยตั้งใจจะกู้เงิน 1,000,000 บาทไปให้น้องสาว ภายหลังลงทะเบียน 2 วัน มีผู้ติดต่อมาว่าเงินอนุมัติแล้ว ให้เข้าลิงก์เพื่อนำเงิน 1,000,000 บาทออกมา แต่พอเข้าลิงก์ไม่ได้ ก็อ้างว่าให้ดูที่เลขบัญชี ซึ่งตนเองพบว่าผิดไป 1 ตัว
มิจฉาชีพจึงหลอกให้โอนเงินเพื่อปลดล็อก โดยโอนไป 21 ครั้ง เริ่มต้นครั้งละ 100,000-200,000 บาท ไปจนถึง 1,000,000 บาท รวมทั้งหมดเป็นเงินกว่า 7,300,000 บาทจนเงินหมดบัญชี
สุดท้ายเมื่อโทรไปยังคอลเซนเตอร์ของธนาคารดังกล่าว ธนาคารแจ้งว่าไม่มีนโยบายหรือข้อเสนอดังกล่าว จึงออกมาเตือนสังคม พร้อมเรียกร้องให้ธนาคารเร่งจัดการแก้ปัญหา เนื่องจากยังโหลดแอปพลิเคชันคล้ายธนาคารอยู่ได้ และในที่ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังพูดคุยกับผู้เสียหาย ปรากฏว่ามิจฉาชีพยังโทรมาแล้วบอกให้โอนเงินไปอีก 400,000 บาท เพื่อแลกกับเงินที่โอนไป
ด้าน พ.ต.ท.สุวิช พิศอ่อน สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ยืนยันว่า ได้พยายามดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเต็มที่แล้ว อาจไม่ได้เสร็จสิ้นภายใน 1-2 วัน และไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะนี้ได้แบ่งหน้าที่เพื่อติดตามคดีให้แล้ว และหากผู้เสียหายมีหลักฐานเพิ่มเติมสามารถมอบให้ตำรวจได้