มองข้ามไม่ได้ หลังจาก "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ออกมาเปิดประเด็นว่า มีความพยายามจากพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สส. มีที่มาจากระบบเขตทั้งหมด 500 ที่นั่ง โดยตัดระบบ สส. บัญชีรายชื่อ ออกไปทั้งหมด เพื่อสกัดพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ในอนาคตอันใกล้
หากมองการเลือกตั้งเฉพาะหน้าในสนามการเล็ก ของการเมืองระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จะเห็นปรากฏการณ์หลาย ๆ การเมืองที่ผิดปกติไล่เลียง ตั้งแต่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี "บิ๊กบอส" ตัวจริงของพรรคเพื่อไทย เดินสายกระชับพื้นที่ ต.ธัญบุรี (คลองเจ็ด) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อร่วมงานบวช "ฟลุ๊ค" มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สส.ปทุมธานี หนึ่งเดียวของเพื่อไทย ซึ่งเป็นหลานชายของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ "นายกเบี้ยว" นายกเทศมนตรีเมืองธัญบุรี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67
ก่อนหน้านั้น "ทักษิณ" เคยเยือน "บ้านใหญ่เมืองปทุม" มาแล้ว หลังเพื่อไทยประกาศส่ง "ชาญ พวงเพ็ชร์" ผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ท้าชิงคู่แข่ง "บิ๊กแจ๊ส" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ซึ่งลงสนามในนามกลุ่มคนรักปทุม
และวันที่ 30 มิ.ย.นี้ จะนัดชี้ชะตาว่า "บ้านใหญ่" ค่ายเพื่อไทย กับ "บิ๊กแจ๊ส" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ซึ่งเคยมีวันนี้เพราะพี่ให้ ที่กลายมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว ปัจจุบันมีความใกล้ชิดกับ 6 สส.ก้าวไกล ในฐานะอดีตนายกฯ อบจ.ปทุมธานี และยังมี 3 บ้านใหญ่ "บึงยี่โถ, คลองหลวง, สนั่นรักษ์" เป็นกองหนุนช่วย จะเอาชนะ "ชาญ" ซึ่งมีขุมกำลังคนเสื้อแดงเพื่อไทย เข้ามาได้หรือไม่
ในอดีตปฏิเสธไม่ได้ว่า "พล.ต.ท.คำรณวิทย์" หรือ "บิ๊กแจ๊ส" เคยมีใจปฏิพัทธ์กับพรรคเพื่อไทยและอดีตนายกฯ แต่ปี 2563 นับแต่ "ชาญ" เสียพื้นที่และเก้าอี้นายกฯ อบจ.ให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และในการเลือกตั้ง สส.2566 ก็มีปัญหาในการจัดตัวผู้สมัคร สส. ใน จ.ปทุมธานี ส่งผลให้การเมืองภายในเมืองปทุมก็พลิกโฉมไปอย่างสิ้นเชิง
ที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทย ก็เหลือ "ฟลุค-มนัสนันท์" อดีต ส.อบจ.ปทุมธานี เขต อ.ธัญบุรี สาย "ชาญ" เข้าวิน สส.เพียงคนเดียว ขณะที่กลุ่มคนเคยที่ชักชวน "บิ๊กแจ๊ส" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เข้าสู่สนามเลือกตั้งได้ตีจาก และเข้าไปหาค่ายใหม่สังกัด
การลงพื้นที่ตลาดฉัตรไพลิน ของ "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยคุมศูนย์เลือกตั้ง สส. พร้อม "เดียร์" ขัตติยา สวัสดิผล สส. พรรคเพื่อไทย และ "ฟลุค-มนัสนันท์" สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วย "ชาญ" ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย) โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 100 คนมารับ การันตีได้ว่า "เพื่อไทย" ก็พร้อมท้ารบ-ปักธงสู้ในสนามนี้
และหวังทวงแชมป์ เพื่อเรียกขวัญ-กำลังใจ "บ้านใหญ่" ให้กลับคืนมา ทั้งกลุ่มบ้านใหญ่ธัญญบุรี, บ้านใหญ่สามโคก, บ้านใหญ่รังสิต, บ้านใหญ่ลาดหลุมแก้ว ฯลฯ ให้กลับมาอยู่ในค่ายเสื้อแดง แต่ดูเหมือนว่ากระแสตอบรับจากคนในพื้นที่ไม่ค่อยดีนัก หากดูจากจำนวนคนเสื้อแดงที่ไปรวมกลุ่มให้กำลังใจในช่วงที่ “โอ๊ค” พานทองแท้ และกลุ่ม สส.เพื่อไทย ไปช่วยหาเสียง
ทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องตัดสินใจส่ง "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะลงไปช่วย "ชาญ" หาเสียงอีกรอบ ในวันที่ 28 มิ.ย. นี้ และคาดว่า น่าจะไปแถว อ.เมืองปทุมธานี และ อ.คลองหลวง
กอปรกับการลงพื้นที่บ้านสวนริมคลองอ้อม ที่ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี ในงานเลี้ยงครบรอบวันเกิด 79 ปีของ "สมนึก ธนเดชากุล" นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยประกาศระหว่างอวยพรวันเกิดว่า " ต่อจากนี้ไปจะกวาดหมดเลย ในนนทบุรี เพราะมีคนกวาดไป เดี๋ยวเราจะกวาดคืน หวังว่าพี่น้องอย่าเพิ่งเบื่อกัน ภารกิจของเราต้องทำเพื่อบ้านเมือง" เสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า เพื่อไทยพร้อมจะทวงแชมป์คืน หลังจากในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถูกพรรคก้าวไกลกวด สส.ยกจังหวัดไปทั้ง 8 เขต จากเดิมที่เคยผูกขาดพื้นที่มาโดยตลอด
ยุทธศาสตร์ "รวมบ้านใหญ่" ให้กลับเข้าค่ายเพื่อไทย โดยความพยายามของ "ทักษิณ" อดีตนายกฯ จะถูกคนรุ่นใหม่มองว่า "บ้านใหญ่" เอ้าท์ ออกจากการเมืองไปแล้ว เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเหล่าบรรดา "บิ๊กเนม" ของบ้านใหญ่ในเขตพื้นที่หรือจังหวัดต่าง ๆ ได้ถูกพายุสีส้มพัดลงทะเลจำนวนมาก ดังนั้น "บ้านใหญ่" จึงไม่ต่างจาก "ยาหมดอายุ" นอกจากจะใช้รักษาโรคไม่ได้ แล้วยังเก่าไร้ประสิทธิภาพอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ข้อมูลรายพื้นที่รายจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยถูก "ก้าวไกล" โค่นล้ม จะเห็นว่า การกวาดรวมซุ้มเพื่อล็อก "บ้านใหญ่" ทั่วประเทศเพื่อสู้กลับกระแสนิยมของพรรคก้าวไกล น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้
แม้ขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.256 ยังอีกยาวไกล อีกทั้งยังไม่มีการทำประชามติ แต่การแก้เกมด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มี สส. 500 ที่นั่ง มาจาก สส. เขต แบบแก้ไขรายมาตราในสภาฯ โดยมีโมเดลแก้ไขบัตรเลือกตั้ง จากบัตรใบเดียว เป็นบัตรสองใบมาใช้ ก็สามารถทำได้ไม่ยาก
ทั้งนี้หากวิเคราะห์จากสถิติการเลือกตั้งบัตรสองใบ ทั้ง สส. เขต และ สส. บัญชีรายชื่อ ในปี 2566 หลังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยกำหนดให้มี สส. เขต 400 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง ปรากฏผลการเลือกตั้ง คือ พรรคก้าวไกลได้ สส. 151 ที่นั่ง สส. เขต 112 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยได้ สส. 141 ที่นั่ง สส. เขต 112 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 29 ที่นั่ง
ชี้ให้เห็นว่า ความนิยมของ "ก้าวไกล" พุ่งสูงกว่า "เพื่อไทย" โดยได้จำนวน สส. เขต.เท่ากัน แพ้ชนะกันที่ สส. บัญชีรายชื่อ และพรรคการเมืองที่มีกระแสนิยมสูงจะได้เปรียบ และมีโอกาสกวาดเก้าอี้ สส. บัญชีรายชื่อ จำนวนมาก จนทำให้เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พรรคการเมืองที่มีกระแสนิยมสูงจะมีความได้เปรียบ และมีโอกาสกวาดเก้าอี้ สส. บัญชีรายชื่อจำนวนมาก จนทำให้เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง โดยพรรคที่มีกลุ่มบ้านใหญ่อยู่ในสังกัดจะมีความได้เปรียบมากกว่าพรรคขนาดกลาง และหากมีการเลือกตั้งในอนาคตข้างหน้า วิธีการเช่นนี้ อาจจะส่งผลให้พรรคขนาดเล็กถึงกาลอวสานได้เช่นกัน
มองข้ามช็อตไปไกล ในการควบรวมบ้านใหญ่ให้มาอยู่ภายใต้ร่มไม้ใหญ่เพื่อไทย ทั้ง ๆ ที่คะแนนนิยมของรัฐบาล หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่สามารถเอาชนะความนิยมที่มีต่อพรรคก้าวไกลได้ในขณะนี้ การพลิกเกมสู้ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญตัด สส.บัญชีรายชื่อออก ก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด และเห็นภาพได้ชัดจากสนามท้องถิ่นเลือกตั้งนายกฯ อบจ. โดยเฉพาะที่ จ.ปทุมธานี การเมืองท้องถิ่น
ตามคำกล่าวที่ว่า เด็ดดอกไม้การเมือง สะเทือนดวงดาวอย่างไร ระดับประเทศคงไม่ต้องพูดถึง
อ่านข่าว : แก้ รธน.-โละปาร์ตี้ลิสต์ เปิดทางบ้านใหญ่พลิกสู้ "ก้าวไกล"
2 เดือน "พะยูน" ตายแล้ว 5 ตัว ล่าสุดติดอวนลอยกลางทะเลกระบี่
"บิ๊กเต่า" ชี้ 1 สัปดาห์รู้ผลสอบ "ตร.น้ำ" 3-4 เอี่ยวเรือน้ำมันเถื่อน