"เกษียร" แจ้งความ ปัดเอี่ยว "ต้นอ้อ" ซื้อ-ขายตำแหน่งในสภาฯ

กรณีการออกมาเปิดเผยข้อมูลการซื้อวุฒิการศึกษา จนถึงการขายตำแหน่งในกรรมาธิการ เชื่อมโยงถึง "ต้นอ้อ" ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง กระทั่งบุคคลและหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง

หนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึง คือ นายเกษียร ซึ่งได้เข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.เมืองนครปฐม เพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายวุฒิการศึกษา แต่ถูก น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง หลอกให้เป็นผู้รับโอนเงิน

ในใบแจ้งความระบุรายละเอียดอ้างถึงวันที่ 25 ธ.ค.2566 ได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.ชลิดา ขอเลขบัญชีธนาคารเพื่อฝากโอนต่อเพื่อลงทะเบียนเรียน ก่อนจะมีการโอนเงิน 50,000 บาท ในวันเดียวกัน และโอนต่อให้อาจารย์คนหนึ่งในมหาวิทยาลัยพิษณุโลก

นายเกษียร อ้างว่า พยามยามโต้แย้งแล้วว่าเหตุใดจึงไม่โอนเงินโดยตรง แต่ น.ส.ชลิดา อ้างว่า ไม่สะดวกเนื่องจากเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2567 มีการโอนเงินในลักษณะเดียวกัน และวงเงินเดียวกัน และในวันที่ 20 ก.พ.2567 มีการโอนเงิน 99,500 บาท เพื่อให้โอนต่อไปยังอาจารย์คนเดิม 50,000 บาท ที่เหลือ 49,500 ให้เก็บไว้ที่นายเกษียรก่อน จึงลงบันทึกประจำวันเพื่อยืนยันว่า การรับโอนทั้ง 3 ครั้ง ไม่ได้มีผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว

หลายคนอาจสงสัยเหตุใด น.ส.ชลิดา กับ นายเกษียร ถึงรู้จักกันได้ ซึ่งเพจเจ้าคุณพระโรส ได้โพสต์ภาพนายเกษียรที่ถ่ายคู่กับ น.ส.ชาลิดา ในวันรับปริญญา คาดว่านายเกษียรเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับต้นอ้อ สมัยที่ยังเรียนด้วยกัน และตามข้อมูลพบว่า นายเกษียร ทำหน้าที่เป็นคนขับรถของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.เพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล

"วิสุทธิ์" ยอมรับ "เกษียร" เป็นคนขับรถ ยันไม่เกี่ยว "ต้นอ้อ"

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับว่า นายเกษียร เป็นคนขับรถส่วนตัวจริง แต่ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่รู้จักกับต้นอ้อ และจากการสอบถามนายเกษียร เจ้าตัวยอมรับว่ารู้จักกับต้นอ้อตอนไปเรียนมหาวิทยาลัย เพราะอยากขยับตำแหน่งเป็นผู้ช่วย และถูกร้องขอให้ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการโอนเงิน

นายวิสุทธิ์ ยืนยันว่า ได้ตักเตือนและอบรมนายเกษียรไปแล้ว หากพบว่าเชื่อมโยงกับการกระทำความผิดก็จะไม่ปกป้อง

"เพื่อไทย" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องซื้อ-ขายตำแหน่ง

ส่วนบุคคลที่ถูกพาดพิง เช่น นายสมคิด เชื้อคง ออกมาปฏิเสธ โดยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายสมคิดจะต้องแจ้งความเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริง และยืนยันยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ชลิดา ส่วนการซื้อขายตำแหน่งเลขานุการประจำกรรมาธิการ อาจเป็นความเข้าใจผิดของผู้ซื้อ-ผู้ขาย และคนที่อ้างเป็นตัวกลาง

ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นต้องเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง 2 เรื่อง คือ การขายวุฒิการศึกษา และขายตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ เพราะอาจกระทบกับภาพลักษณ์ของสภาฯ โดยการแต่งตั้งตำแหน่งในกรรมาธิการเป็นดุลยพินิจของกรรมาธิการแต่ละคณะ หากพบว่ามีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้นในกรรมาธิการชุดใด เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการคณะนั้น ๆ ที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริง