วันที่ 15 ก.ค.2567 หลังจากที่ สเปนทำผลงานสุดยอดด้วยการ เอาชนะ อังกฤษ ในรอบชิงชนะเลิศ 2-1 ทำสถิติ ชนะ 7 นัดรวด พร้อมคว้าโทรฟีจ้าวยุโรปเป็นสมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์ ซึ่งมากที่สุดในบรรดาทุกชาติที่เคยได้แชมป์มา
ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทัพนักเตะ และสต๊าฟโค้ชทีมชาติสเปน นำโดย หลุยส์ เด ลา ฟูเอ็นเต เฮดโค้ช รวมถึง อัลบาโร โมราตา กัปตันทีม, ลามิน ยามาล, นิโก วิลเลียมส์ และมาร์ก กูกูเรยา รวมถึง เปโดน โรชา ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปน ก็ได้เดินทางจากเยอรมนีถึงสนามบินในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากแฟนบอลสเปน ที่มารอต้อนรับฮีโร่ของพวกเค้า ตั้งแต่ออกจากสนามบิน
โดยทันทีที่ออกจากเครื่องบิน โมราตา ก็ได้ชูถ้วยแชมป์ฉลองต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมมีการถ่ายรูปรวมทั้งนักเตะ และสต๊าฟโค้ช บริเวณข้างหน้าเครื่องบินด้วย
หลังจากนั้น ทัพนักเตะทีมชาติสเปน ก็ได้ไปเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน ที่เสด็จออกมาให้การต้อนรับพร้อม พระราชธิดา ทั้ง 3 พระองค์ โดยทีมงานได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เสื้อหมายเลข 4 พร้อมข้อความ คิง ออฟ ยุโรป ให้กับ พระมหากษัตริย์ของสเปน ด้วย หลังจากนั้นก็ไปเข้าพบ เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ที่พระราชวังมอนโคลอา ด้วย ซึ่งตลอดเส้นทาง ที่ทัพนักเตะสเปน เดินทางไปพบบุคคลสำคัญ ก็มีแฟนบอลมารอฉลองกับพวกเค้าตลอดทาง
ต่อจากนั้น ก็ถึงช่วงเวลาที่แฟนบอลสเปน รอคอย เมื่อทัพนักเตะสเปน ก็ได้ขึ้นรถบัสเปิดประทุน แห่ฉลองแชมป์ยูโร ไปทั่วเมือง มาดริด ก่อนไปรวมกันที่ จัตุรัสใจกลางเมืองมาดริด เพื่อฉลองแชมป์กันอย่างสุดเหวี่ยง โดย อัลบาโร โมราตา กัปตันทีมได้กล่าวขอบคุณแฟนบอลสเปนทุกคน ที่สนับสนุนพวกเค้ามาตลอด จนได้แชมป์ในครั้งนี้ รวมถึงยังขอบคุณ หลุยส์ เด ลา ฟูเอ็นเต เฮดโค้ช ที่เข้ามากอบกู้ศรัทธา และปลุกพลังของนักเตะทุกคนให้รวมใจสู้ ในขณะที่ เฮดโค้ชสเปน ก็ขอยกแชมป์นี้ ให้กับ นักเตะและแฟนบอลทุกคน ที่เชื่อมั่นและสนับสนุนเค้า ก่อนจะร่วมกันฉลองแชมป์กันอย่างชื่นมื่น
ผิดกับผู้แพ้ อังกฤษ ที่กลับถึงบ้านเกิดแล้วเช่นกัน แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา และนักเตะก็ต่างก็ยังอยู่ในอาการที่เศร้า หลังจากต้องผิดหวัง ไม่สามารถคว้าแชมป์ยูโรได้ ทั้งที่ เข้าชิงชนะเลิศถึง 2 ครั้งติด ทำให้พลพรรคสิงโตคำราม ยังต้องรอคอยแชมป์แรก หลังจากได้แชมป์โลก เมื่อปี 1966 ในรอบ 58 ปี ต่อไป
อ่านข่าว : สเปน ชนะ อังกฤษ 2-1 คว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 4
เคล็ดลับ "สเปน" คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2024
หลังทำผลงานได้น่าผิดหวังกับการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อทีมชาติ สเปน ที่นำโดย หลุยส์ เอ็นริเก้ โค้ชชื่อดัง พาทีมแพ้ โมร็อกโก ในช่วงดวลจุดโทษ จนต้องกระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย และส่งผลให้ เอ็นริเก้ ยื่นซองลาออกในเวลาต่อมา
จากปัญหาหลายด้าน ส่งผลให้ สเปน จำเป็นต้องรีบสร้างผลงานเพื่อกู้ศรัทธาแฟนบอล ก่อนทำเซอร์ไพรส์ แต่งตั้ง หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต เฮดโค้ชวัย 63 ปี เข้ามาคุมทีมชาติชุดใหญ่ ทั้งที่ผ่านมา เด ลา ฟูเอนเต แทบไม่มีประสบการณ์คุมทีมระดับสโมสร
แต่สิ่งที่แฟนบอลหลายคนยังไม่รู้ นั่นคือ เด ลา ฟูเอนเต ถือเป็นโค้ชที่คลุกคลีกับทีมชาติมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2013 จากการทำหน้าที่โค้ชให้กับทีมชาติชุดเยาวชนมาโดยตลอด แถมมีผลงานไม่ธรรมดา พา สเปน คว้าแชมป์ ยุโรป 2 สมัย ทั้งในรุ่น ยู-19 และ ยู-21 รวมถึงการคว้าเหรียญเงินกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิก "โตเกียวเกมส์"
หนึ่งในสไตล์การทำงานที่โดดเด่นของ เด ลา ฟูเอนเต อยู่ที่การกล้าลองทำอะไรใหม่ๆ อย่างในช่วง 10 เกมแรก ที่เข้ามาคุมทีมชาติชุดใหญ่ เขาเรียกนักเตะมาใช้งานมากถึง 47 คน เพื่อเฟ้นหาลูกทีมที่มีศักยภาพเข้ากับแผนการเล่นที่ต้องการ นอกจากนี้ยังให้โอกาสคนโดยวัดจากความสามารถ ไม่เกี่ยงเรื่องอายุ ทำให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็น ลามีน ยามาล ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยวัยเพียง 16 ปี
ซึ่งการที่นักเตะในทีมชุดใหญ่หลายคน เคยร่วมงานกับ เด ลา ฟูเอนเต มาตั้งแต่สมัยติดทีมชาติชุดเยาวชน ทำให้ โค้ชและนักเตะเชื่อมือกันเป็นอย่างดี และมีส่วนสำคัญที่ช่วยดึงศักยภาพของทีมออกมาได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ แกเรธ เซาธ์เกต ของทีมชาติอังกฤษเองก็มีเส้นทางการทำงานที่คล้ายคลึงกัน
และจากความสำเร็จของ สเปน และการผ่านเข้าถึงรอบชิง ยูโร 2 สมัยติดของอังกฤษ อาจเป็นการนำเทรนต์ให้กับอีกหลายๆ ชาติ หันมาใช้บริการโค้ชที่ผูกพันและคุ้นเคยกับนักเตะมาตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนขึ้นคุมทีมชาติชุดใหญ่ มากกว่าที่จะไปทุ่มเงินจ้างโค้ชชื่อดังเข้าคุมทีมชาติก็เป็นได้
อ่านข่าว :
"อาร์เจนตินา" ชนะ "โคลอมเบีย" คว้าแชมป์โคปา อเมริกา สมัยที่ 16
"จิน BTS" ร่วมวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกปารีสเกมส์ 2024
เรื่องน่ารู้ "ปารีสเกมส์ 2024" ฝรั่งเศสเจ้าภาพโอลิมปิก ครั้งที่ 3 ในรอบ 100 ปี
