"ลาบูบู้" ยาอีผสมโคเคน "อาร์ตทอย" ฤทธิ์ร้าย "เสี่ยงตาย" สูง

อาชญากรรม
30 ก.ค. 67
14:13
4,121
Logo Thai PBS
"ลาบูบู้" ยาอีผสมโคเคน "อาร์ตทอย" ฤทธิ์ร้าย "เสี่ยงตาย" สูง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

"ยาอี" ในรูปของ ลาบูบู้ ขณะนี้พบใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต เชียงรายและพระนครศรีอยุธยา หลังการตรวจยึดของกลาง เจ้าหน้าที่ส่งตรวจแยกสารเคมีภัณฑ์ ทราบผลที่แรกคือ พระนครศรีอยุธยา พบมีโคเคนผสมอยู่สูงถึงร้อยละ 54 และมีเอกซ์ตาซีหรือ ยาอี ร้อย 18 ที่เหลือเป็นคาเฟอีนและแป้ง

แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องใหญ่ถึงชีวิต เมื่อผู้ค้ายาเสพติด พยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดนักเสพหน้าใหม่ และหน้าเก่า ให้เข้ามาใช้ยาเสพติด ที่มีรูปลักษณ์ เหมือนขนม หรือลูกอม แต่พิษร้ายของมันมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้น จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอนประสาทอย่างรุนแรง และเป็นสาเหตุที่ทำไปสู่การฆ่าตัวตายสูงกว่า คนปกติ

ยาอี หรือ ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) เป็นยาเสพติดตัวเดียวกัน มักถูกปั้มออกมาในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดผู้เสพ ล่าสุด คือ ลาบูบู้ การ์ตูน ยอดนิยมในขณะนี้ เพื่อดึงดูดผู้ใช้และในบางกรณีคือ เพื่อเรียกราคา

ป.ป.ส.ฟันธง ยาอีสูตร"ลาบูบู้"ผสมในไทย อัปราคาซื้อ-ขาย

ยาอี ลาบูบู้ ถูกพบในสถานบันเทิงคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ผ่านมา ซึ่งพบกลุ่มผู้ครอบครองทั้งหญิงและชาย ในจำนวนนี้มีเยาวชนหญิงอายุ 16 ปี รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังถูกพบในจังหวัดเชียงรายและภูเก็ต ด้วย

ในคดีที่เกิดขึ้นในเชียงราย 27 ก.ค.67 ตำรวจสืบสวน จนสามารถจับกลุ่มผู้ต้องหาได้รวม 4 คน ตรวจค้นพบ ยาอี ลาบูบู้ จำนวน 5 เม็ด ยาบ้า จำนวน 600 เม็ด เคตามีน 169.2 กรัม Happy Water 11 ซอง โดยดำเนินคดีทั้งหมด ฐาน "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า,ยาอี) โดยการกระทำเพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย และ ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(เคตามีน)เพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย" สอบสวน อ้าง ว่า สั่งซื้อยาอีมาจากกรุงเทพฯ โดยส่งมาทางไปรษณีย์

ส่วนยาอีที่ตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ ส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ทำการตรวจแยกสารเคมี ซึ่งในพระนครศรีอยุธยา ทราบผลแล้ว พบว่า 1 เม็ด มีส่วนผสมของโคเคนสูงถึงร้อยละ 54 ส่วนเอกซ์ตาซี พบร้อยละ 18 ที่เหลือเป็นคาเฟอีนและแป้ง

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่า การผสมโคเคนเข้าไปด้วย ถือเป็นสูตรใหม่ ที่พบเป็นครั้งแรก พร้อมสันนิษฐานว่า เป็นการผสมขึ้นใหม่ในไทย เพื่อเพิ่มความรุนแรงของยาละเพิ่มราคาการซื้อ - ขาย

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เตือนอันตรายถึงผู้เสพด้วยว่า โดยทั่วไปที่พบ ยาอี จะมีส่วนผสมของเอกซ์ตาซี ร้อย 18 ผสมกับคาเฟอีนและแป้ง ซึ่งก็ออกฤทธิ์รุนแรงมากว่ายาบ้า ถึง 10 เท่า ดังนั้นตัวที่ผสมโคเคนเข้าไปในปริมาณขนาดนี้ อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ เพราะผู้เสพจะไม่รู้ว่า ยามีส่วนผสมจากสารใดบ้างและผสมมาในปริมาณเท่าใด

"พิษของ ยาอี ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน เห็นภาพและได้ยินเสียงหลอน หากรับยาเกินขนาด จะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อเกร็งตัว และมีอาการรุนแรงถึงขึ้นเกิดอาการชักหรือหมดสติ ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้"

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ยาอีและโคเคน ไม่ได้มีแหล่งผลิตในฝั่งเพื่อนบ้าน แต่เป็นการลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งยุโรปและเป็นที่นิยมในฝั่งยุโรปด้วยเช่นกัน ในประเทศไทย พบการใช้เฉพาะกลุ่ม และควบคุมได้ ไม่ได้แพร่ระบาดเหมือนยาบ้า โดยในอดีตพบนิยมใช้ในสถานบันเทิง แต่เมื่อเกิดการขยายเวลาเปิดสถานบริการในพื้นที่โซนนิ่ง เจ้าหน้าที่เข้ากวดขันเข้มงวดมากขึ้น ทำให้พบว่า กลุ่มผู้ใช้ จะเปลี่ยนสถานที่ โดยการเช่าบ้านหรือ เช่าพูลวิลล่า จัดปาร์ตี้สังสรรค์เพื่อเสพยาเสพติด

พลิกสูตรสารเสพติดลูกผสม "เค-นมผง-แฮปปี้วอเตอร์"

สำหรับการคิดค้นส่วนผสมสารเสพติดขึ้นมาใหม่ ที่พบใน ยาอี ลาบูบู้ เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยาเสพติดชนิดอื่น และมีอันตรายถึงชีวิต ย้อนกลับไปในวันที่ 10 ต่อเนื่อง 11 ม.ค. ปี 64
ในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 7-20 ย่านพระราม 3 มีผู้เสียชีวิตในห้องนอน เป็นชายอายุประมาณ 20 ปี ไล่เลี่ยกันพบเหตุ มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน ในซอยรัชดาภิเษก 18 สอบสวนพบทำงานในย่านพระราม 3

ต่อมาพบผู้เสียชีวิตในพื้นที่ย่านเจริญราษฎร์ 7 แยก 4 อีก 1 คน ซึ่งพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดในที่เกิดเหตุ และพบเสียชีวิตอีกคนในพื้นที่ย่านซอยพระราม 3 แยกย่อย 22

ขณะเดียวกันรับแจ้งมีผู้เสียชีวิต 2 คน ในซอยจันทร์ 31 และเสียชีวิตอีก 1 คน ในพื้นที่ลุมพินี

การเสียชีวิตของวัยรุ่นทั้ง 7 คน ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน แม้จะเกิดขึ้นต่างพื้นที่ แต่ตำรวจสันนิษฐานจากการสืบสวนสอบสวน ว่า อาจเกิดจากการเสพยาเสพติด ที่มีการผสมสารเสพติดหลายชนิด โดยมียาตั้งต้นเป็น เคตามีน ซึ่งเรียกกันว่า "เคนมผง" ตำรวจสืบสวนแกะรอยที่มาของ เคนมผง จากผู้เสียชีวิตในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 4 ที่พบอุปกรณ์การเสพยาในที่เกิดเหตุ

ตำรวจสืบสวนจนพบเบาะแสผู้กระจาย เคนมผง และสืบสวนจนพบผู้ต้องหากระทำการผสม เคนมผง ออกมาจำหน่าย เป็นชายชาวไต้หวัน ใช้วิธีซื้อขายยาเสพติดจากหลายประเทศ นำมาผสมและขายผ่านดาร์กเว็บ

นอกจากนี้ยังมี HAPPY WATER ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มนักเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติตามสถานบันเทิง เป็นสารเสพติดที่กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดผสมขึ้นมาเอง โดยมีส่วนผสมสารเสพติดหลายชนิด และนำมาชงกับน้ำร้อนหรือผสมกับน้ำหวานดื่มกิน เมื่อดื่มเข้าสู่ร่างกายจะออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ทำให้เคลิบเคลิ้ม สนุกสนาน ตื่นตัว คึกคัก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นวิตกอย่างมาก

ด้วยว่าการใช้ยาเสพติดหลายชนิดผสมกัน หรือเสพในปริมาณมาก ร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์จะเสริมฤทธิ์ อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายและสมองของผู้เสพ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

รายงานโดย : กิตติพร บุญอุ้ม ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง