หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ได้พิจารณาอนุมัติหยุดประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าของผู้ประกอบการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท.
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า มติดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีมติรับทราบแนวทางการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อขายสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้าของผู้ประกอบการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงวงเงินใช้จ่ายในร้านค้าปลอดอากรขาเข้าดังกล่าว มากระจายหมุนเวียนในประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ และเกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในภาพรวมได้มากยิ่งขึ้น โดยกรมศุลกากร ได้มีหนังสือแจ้งขอความร่วมมือจากบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และทอท.ในการดำเนินการตามมติ ครม.ตั้งแต่วันนี้
โดยคิงพาวเวอร์ได้แจ้งกับกรมศุลกากรว่า ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ หยุดประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่
รายงานข่าวจาก ทอท.ยังระบุว่า การยกเลิกดิวตี้ฟรี 5 สนามบิน จะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากพื้นที่ดิวตี้ฟรีขาเข้า คิดเป็นร้อยละ 10 ของสัญญาสัมปทานทั้งหมด
ส่วนรายได้ต่อปี ทอท.ได้รับส่วนแบ่งดิวตี้ฟรีอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เบื้องต้นประเมินว่าหากยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า จะส่งผลให้รายได้ลดลงไม่เกินร้อยละ 20 หรือไม่เกิน 3,000 ล้านบาท แต่จะมีพื้นที่รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น จะส่งผลเป็นบวกต่อการเติบโตของประมาณผู้โดยสาร และทำให้รายได้ของ ทอท.เพิ่มขึ้นมาชดเชยรายได้ส่วนนี้ที่หายไป
ดังนั้นในกรณีนี้จะทำให้ AOT ที่เคยมีรายได้จากการเช่าพื้นที่จากทั้ง 5 สนามบิน ลดลงเดือนละ 1.70 ล้านบาทและค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนในช่วงปีสัญญา 2567-2568 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเดือนละ 126 ล้านบาท และท่าอากาศยานดอนเมืองลดลงเดือนละ 6.96 ล้านบาท
อ่านข่าว
6 ชั่วโมง ยอดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ทะลุ 10.5 ล้านคน
15 ขั้นตอนยืนยันตัวตนดิจิทัลวอลเล็ต-ลุ้นผล 22 ก.ย.