ในกีฬาชกมวย ผู้แพ้ในรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 คนจะได้รับเหรียญทองแดงคนละเหรียญ
นับตั้งแต่โอลิมปิกปี 1904 กีฬามวยสากลสมัครเล่น ก็มีกฎการชิงเหรียญเหมือนกีฬาส่วนใหญ่อยู่แล้ว นั่นคือ มีการแข่งขันชิง "เหรียญทองแดง" ระหว่างผู้แพ้ในรอบรองชนะเลิศ ในขณะที่นักมวยที่ชนะจะได้เข้าไปชิงเหรียญทองและเหรียญเงิน ในรอบชิงชนะเลิศ
ต่อมาในปี 1950 สมาคมมวยสากลนานาชาติ (IBA) ได้เปลี่ยนกฎในการประชุมใหญ่ โดยตัดสินใจยกเลิกการแข่งขันชิงเหรียญทองแดง โดยให้นักมวยที่แพ้ทั้ง 2 คนในรอบรองชนะเลิศได้อันดับที่ 3 และ "ไม่มีผู้ใดได้รับเหรียญรางวัล" กฎดังกล่าวถูกนำมาใช้เนื่องจาก ระหว่างที่นักมวยคู่ชิงที่ 3 รอขึ้นชกชิงเหรียญทองแดงนั้น มีช่วงพักที่สั้นมาก ทำให้นักมวยไม่มีเวลาพักฟื้นที่เพียงพอ ซึ่งเสี่ยงต่อสุขภาพของนักกีฬา
IBA แนะนำต่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ว่าไม่ควรจัดการแข่งขันชิงเหรียญทองแดงในโอลิมปิก เฮลซิงกิ 1952 และนักกีฬาที่แพ้ในรอบรองชนะเลิศจะได้รับ "ประกาศนียบัตร" โอลิมปิกแทนเหรียญรางวัล
และประกาศนียบัตรโอลิมปิกก็ถูกแจกตลอดการแข่งขันโอลิมปิก 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1952 จนกระทั่งถึงโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1968 ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้
จนในปี 1970 IBA (อีกแล้ว ?) ได้เสนอกฎใหม่ให้ IOC มอบ "เหรียญทองแดง 2 เหรียญ" ให้กับผู้แพ้ในรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 คน แทนที่จะได้รับประกาศนียบัตรโอลิมปิก และ IOC ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว และผู้เข้ารอบรองชนะเลิศทั้ง 10 คนจากปี 1952, 1956, 1960, 1964 และ 1968 ก็ได้รับรางวัลเหรียญทองแดงย้อนหลังไปด้วย
รู้หรือไม่ : ไม่ใช่แค่มวยที่ได้ 2 เหรียญทองแดง แต่ "ยูโด เทควันโด และ มวยปล้ำ" ก็ใช้ระบบมอบ 2 เหรียญทองแดงให้ผู้แพ้ในรอบรองชนะเลิศเช่นกัน
อ่านข่าวเพิ่ม :
สรุปเหรียญโอลิมปิก 2024 วันที่ 6 ส.ค.67 USA นำ 21 เหรียญทอง - ไทยมี 1 เหรียญเงิน
ส่งใจเชียร์ "จันทร์แจ่ม" ชก "อิมาน เคลิฟ" เช้ามืด 03.34 พรุ่งนี้
โปรแกรมแข่งขันโอลิมปิก 2024 นักกีฬาไทย วันที่ 6 ส.ค.67
"IBA" โต้หลังถูกกล่าวหาผลตรวจเพศไม่น่าเชื่อถือ