น.ส.วรางคณา ระวังงาน หรือ น้องมุก อายุ 22 ปี หนึ่งในความภาคภูมิใจของครอบครัวชาวปกาเกอะญอ
ไม่เพียงประสบความสำเร็จทางการศึกษา สามารถผ่านการสอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เธอยังคว้าตำแหน่งธิดาดอยเชียงใหม่ ประจำปี 2565 ที่จัดขึ้นในงาน มนต์เสน่ห์สีสัน วัฒนธรรมชาติพันธุ์เชียงใหม่ ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
ปัจจุบัน น.ส.วรางคณา เป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 5 กำลังศึกษา และ ฝึกปฏิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาลลำปาง เพื่อเตรียมความพร้อมทำหน้าที่แพทย์หญิง ใน 2 ปีหน้า
น.ส.วรางคณาเล่าว่า เธอเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นคนไทย แม่เป็นชาวชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ หรือ กะเหรี่ยง มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
ส่วนเหตุผลที่อยากเป็นแพทย์มาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อสุขภาพไม่แข็งแรง เวลาไปโรงพยาบาลพบว่า หมอมีน้อย ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วย จึงอยากเป็นหมอเพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยให้ทั่วถึง
โดยหลังจบการศึกษาจะกลับไปทำหน้าที่แพทย์ที่บ้านเกิด จ.แม่ฮ่องสอน จากนั้นก็ตั้งใจจะเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง ด้านวิสัญญีแพทย์
หมอในพื้นที่ห่างไกล ต้องทำงานหนัก บางครั้งต้องอาศัยพยาบาลช่วยดูแลคนไข้ในบางโรคที่ไม่หนักมาก จึงคิดว่าหมอ อาจยังผลิตได้ไม่มากพอ และไม่ได้กระจายไปยังพื้นที่ห่างไกลอย่างเพียงพอ
ส่วนในเรื่องการศึกษา น.ส.วรางคณาบอกว่า เธอมีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนทั้งที่ จ.แม่ฮ่องสอน และตัวเมืองเชียงใหม่ จึงได้เห็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ชายขอบ อย่างโรงเรียนที่เคยศึกษาอยู่ใน จ.แม่ฮ่องสอน มีไม่ครบทุกชั้น เพราะนักเรียนน้อย จำนวนครูไม่เพียงพอ
ครูบางคนสอนตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.3 หรือบางวิชา ครูคนเดียวต้องสอนทุกชั้น แม้เนื้อหาวิชาจะไม่ต่างจากโรงเรียนในเมือง แต่ครูไม่สามารถให้เวลากับเด็กได้อย่างเต็มที่ เด็กที่สนใจเรียนอาจไม่มีปัญหา แต่เด็กที่หัวไม่ไวก็อาจกลายเป็นข้อจำกัด
ขณะที่อุปกรณ์การเรียนก็ไม่พร้อม จึงเห็นว่าภาครัฐควรให้การสนับสนุนมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเริ่มจากสวัสดิการของครู เพื่อให้ครูสนใจไปทำหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกลให้มากขึ้น
อุปกรณ์บางอย่างครูต้องหาเอง ไม่ได้รับการสนับสนุน จึงน่าจะมีการเพิ่มงบประมาณอุดหนุนโรงเรียนชายขอบ และ เด็กๆ ให้ครูอยากที่จะเข้ามาสอนมากขึ้น เด็กๆ จะได้รับการพัฒนาไปด้วย
ว่าที่หมอชาวปกาเกอะญอ ยังได้กล่าวถึงมุมมองของคนทั่วไปที่มีต่อกลุ่มชาติพันธุ์มักมีภาพจำว่าชาวชนเผ่าต่างๆ ด้อยกว่า หรือ ไม่มีความสามารถ แต่ในความจริง ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน หรือ การที่ชาวชาติพันธุ์พูดไม่ชัด จนถูกมองว่าทำไมถึงพูดไม่รู้เรื่อง ถ้าในทางกลับกัน คนไทยไปทำงานต่างประเทศ ใช้ภาษาที่ต่างออกไป ก็คงจะถูกมองคล้ายๆ กัน
ไม่ได้ต้องการเรียกร้องสิทธิ์อะไร แค่อยากให้มองเราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่ง ไม่ต้องการให้อภิสิทธิ์ อย่าดูถูกเราก็พอ
น.ส.วรางคณา ยังฝากไปถึงน้องๆ ชาติพันธุ์ ว่าอย่าดูถูกตัวเอง หลักคิดคือ "เราทำได้" ถ้าเราทำเต็มที่แล้ว แม้จะไม่สำเร็จ ยังไงความเสียใจก็จะน้อยกว่าที่ยังไม่ได้พยายาม จึงอยากให้น้องๆ มั่นใจในตัวเอง และ ทำตามความฝันของตัวเอง
อ่านข่าว : กสม.ชี้ก่อสร้างโรงแรมกระทบสิทธิมนุษยชนชาวเลราไวย์
ไม่คิดว่าเก่งที่สุด เปิดใจ "แพทองธาร" นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31